พล.อ.ประยุทธ์ เห็นพ้องตั้งคณะทำงานหาทางออกประเทศ ยืนยันไม่ละทิ้งหน้าที่ด้วยการลาออก
วานนี้ (27 ต.ค.63) เวลา 21.45 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ชั้น 2 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวขอบคุณสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ตลอด 2 วันที่ผ่านมา เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกัน และจะนำข้อคิดเป็นคำเตือนไปพิจารณา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จำนวนผู้ติดเชื้อที่ต่ำ ผู้เสียชีวิตจำนวนน้อยมากจนได้รับการยอมรับและยกย่อง จากต่างประเทศ ส่วนที่มองว่าเศรษฐกิจไทยแย่ นั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้ติดตามข้อมูลอย่างเป็นธรรม เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังก้าวเดินอย่างช้าๆ แต่ถึงแม้เศรษฐกิจจะลดลงก็ลดลงในอัตราที่ช้ากว่าเดิม รวมทั้งมีมาตรการเพิ่มเข้าไปในเรื่องของการด้านการท่องเที่ยว โดยขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งถือวีซ่าพิเศษจำนวน 41 คน ได้เดินทางมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยมีการคัดกรองมาจากต้นทางและมีใบรับรองแพทย์ ตามหลักการมาตรฐานสากล ทั้งนี้ก็จะมีการทยอยเดินทางมาเรื่อยๆ ขณะนี้สามารถเปิดประเทศได้แล้วแต่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและสุขภาพควบคู่กัน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง อาจกดทับบรรยากาศเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่กำลังจะดีขึ้น ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีความรักและเอื้อเฟื้อต่อกันด้วยดีมาโดยตลอด จึงไม่อยากให้วัฒนธรรมดีงามของประเทศไทยแตกร้าวเสียหายไปเพราะความไม่เข้าใจระหว่างคนแต่ละรุ่น โดยขณะนี้มีกลุ่มที่ถูกชักชวนผ่านโลกโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก วันนี้โลกของการติดต่อสื่อสารจะมีการถูกบันทึก และถูกกลุ่มคนนำไปจัดเป็นอุปนิสัยของเรา ถูกนำไปใช้ประโยชน์เสมอโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ที่ไม่เคยรับข้อมูลใดๆมาก่อน โดยเฉพาะการป้อนข้อมูลเฉพาะทางให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไปตามที่อีกฝ่ายต้องการโดยไม่รู้ตัว จึงขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่านแต่อย่าเชื่อทุกอย่างที่เห็น และฟัง ขอให้ใช้สติปัญญาและมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการตรวจสอบคัดกรองข้อมูลต่างๆเหล่านั้นขอให้ระมัดระวังในการนำข้อมูลของเราไปเผยแพร่ในต่างประเทศ รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะดูแลและฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกกลุ่มและยินดีที่จะรับฟังข้อเรียกร้อง พร้อมจะร่วมมือในการแก้ปัญหา แต่ต้องไม่ไปริดลอนสิทธิของคนอื่นยอมรับความเชื่อที่แตกต่างของแต่ละคน คำนึงถึงคนส่วนใหญ่เป็นหลักซึ่งเป็นหลักการส่วนใหญ่ของระบอบประชาธิปไตย
นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยให้มีการตั้งคณะทำงาน ศึกษาแนวทางที่เสนอมา เพื่อนำไปสู่การพูดคุยหาทางออก โดยนำทุกภาคส่วน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาลรัฐสภาผู้เห็นต่าง มารวมกันพูดคุยเพื่อหาทางออกนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริงทั้งนี้ข้อเรียกร้องใดๆ ของผู้ชุมนุมที่สอดคล้องกับคนกลุ่มใหญ่ ก็พร้อมยินดีจะรับไปดำเนินการถ้าข้อเรียกร้องใดไม่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ก็ขอสงวนสิทธิ์
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ในขั้นตอนอยู่แล้ว และเป็นหน้าที่ของรัฐสภา และนายกรัฐมนตรีก็พร้อมสนับสนุนในฐานะรัฐบาล ในฝ่ายบริหาร ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ของตนเองและไม่ไปก้าวล่วงหน้าที่ของใครยืนยันไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง สิ่งสำคัญจะไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเพื่อหนีปัญหา จะไม่ละทิ้งหน้าที่โดยการลาออกในขณะที่ชาติบ้านเมืองมีปัญหา ในยามที่ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคองให้ประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า แก้ปัญหาเร่งด่วนทั้งการว่างงาน SME สินค้าการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและถนนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีความสุข
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE