รีเซต

ไวรัสโคโรนา : หญิงตั้งครรภ์รอความช่วยเหลือออกจากอิตาลีกลับไทย

ไวรัสโคโรนา : หญิงตั้งครรภ์รอความช่วยเหลือออกจากอิตาลีกลับไทย
บีบีซี ไทย
9 มีนาคม 2563 ( 00:44 )
92
1
AFP

การประกาศข่าวปิดเมืองในภูมิภาคลอมบาร์ดี กับจังหวัดทางตอนเหนือและตอนกลางของอิตาลีรวม 14 จังหวัด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คนราว 16 ล้านคน ต้องถูกกักกันโรคไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกจากพื้นที่ได้ยกเว้นว่าจะได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ

มาตรการนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีน และจะบังคับใช้จนถึง 3 เม.ย. นี้ แต่ในสายตาของคนไทยบางส่วนที่อาศัยอยู่ในอิตาลี มาตรการนี้อาจจะล่าช้าเกินไป

หญิงไทยวัย 36 ปีซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเรจโจ เอมิเลีย แคว้นเอมิเลีย-โรมานญา พื้นที่กักกันโรคและมีการระบาดมากเป็นอันดับที่สามเล่าว่า ไม่แปลกใจที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในอิตาลีพุ่งกระฉูดจากหลักสิบเป็นหลักร้อย และจากหลักร้อยเป็นหลักหลายร้อย เพราะตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อต้นปีนี้ ขณะนั้นยังมีผู้ติดเชื้อในอิตาลีไม่มากนัก แต่ทางการอิตาลีไม่ได้ดำเนินมาตรการรับมือเพียงพอ แม้ในช่วงแรกจะมีการห้ามเรือสำราญเข้าเทียบท่า แต่ก็ปล่อยให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศที่มีการระบาดอยู่แล้วเดินทางโดยเครื่องบินเข้าประเทศได้ไม่จำกัด

BBC
พื้นที่กักกันโรคในอิตาลี

ความที่เคยศึกษาและทำงานในอิตาลี เธอบอกบีบีซีไทยว่าในเวลานั้นเธอทราบดีว่าขณะนั้นคนอิตาลีจำนวนหนึ่งไม่เชื่อว่ามีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทั้งคนส่วนใหญ่ในเมืองที่เธออยู่ ยังนิ่งนอนใจไม่ห่วงเรื่องการดูแลสุขอนามัยส่วนรวม ไม่สวมหน้ากากป้องกันโรค จึงน่าจะมีผลให้การระบาดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้เธอซึ่งกำลังตั้งครรภ์เป็นเวลาสี่เดือนครึ่งรู้สึกตระหนก เป็นห่วงลูกในท้องและต้องการเดินทางกลับเมืองไทยให้เร็วขึ้นกว่าที่เคยวางแผนไว้

"เห็นตัวเลขแล้วมันน่ากลัว เราห่วงความปลอดภัยของตัวเองและลูก ระบบสาธารณสุขที่นี่ไม่โอเคเลย อย่างเราจะฝากครรภ์ แม้จะเสียเงินจ่ายแบบเอกชนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการดูแลอย่างครบวงจร และล่าช้า แม้จะรู้ว่าเรามีอาการไทรอยด์ร่วมด้วย เลยคิดว่าถ้าเราเป็นโควิด-19 เราคงตายแน่นอน " เธอบอก

เมื่อคืนที่ผ่านมา (8 มี.ค.) ทางการอิตาลีเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดว่าอยู่ที่ 366 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 133 คนในวันเดียว ส่วนยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นถึง 25% จาก 5,883 คน เป็น 7,375 คน

ขณะนี้คุณแม่รายนี้ได้จองตั๋วเครื่องบินของการบินไทยที่จะออกจากเมืองมิลานในเวลา 13.00 น. ตามเวลาในอิตาลีหรือประมาณหนึ่งทุ่มวันนี้ (9 มี.ค.) ตามเวลาในไทยแต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเที่ยวบินจะถูกยกเลิกเหมือนกับที่ได้ยกเลิกเที่ยวบินจากมิลานในวันที่ 11 มี.ค.นี้ หรือไม่ ซ้ำร้ายเธอยังต้องไปลุ้นที่ด่านตรวจในเมืองที่เธออาศัยอยู่ว่าตำรวจจะยอมให้เธอออกจากเมืองในตอนเช้าเพื่อไปขึ้นเครื่องบินหรือไม่

"เรามีใบรับรองแพทย์ว่าเรากำลังตั้งครรภ์และต้องเดินทางออกจากเมือง มันคือเหตุผลทางสุขภาพ เรามีเด็กในท้อง เราไม่อยากให้เด็กต้องติดโรค…ถ้าพรุ่งนี้กลับไม่ได้อีก ก็อยู่ในจุดที่ถอดใจแล้ว สู้เฮือกสุดท้าย ต้องรอเหมือนคนไทยในอู่ฮั่นว่ารัฐบาลจะช่วยเราในลักษณะนั้นหรือไม่ ต้องรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยอย่างเดียว"

Getty Images
ถนนในเมืองมิลาน

หากไม่ได้ขึ้นเครื่องบินจากเมืองมิลานกลับไทยในวันนี้ ก็ยังมีทางเลือกที่จะนั่งรถไฟไปขึ้นเครื่องบินที่กรุงโรม แต่ทางเลือกนี้เธอบอกว่ายังสุ่มเสี่ยง เพราะหลังข่าวประกาศปิดเมืองออกมา คนในบริเวณที่ถูกกักกันก็พากันเดินทางโดยรถไฟจากเมืองมิลานไปทางใต้และไปกรุงโรมกันจนเกิดความโกลาหล "นั่นก็เสี่ยง เพราะอาจจะติดเชื้อบนรถไฟได้"

ไม่ไกลจากเมืองมิลาน อวดา ธีรพลกุล คนไทยอีกคนหนึ่งในเมืองเครโมนา ที่เธอบอกว่าเป็นเมืองแห่งไวโอลิน ในแคว้นลอมบาเดีย เชื่อว่าตอนนี้เธออยู่กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว

อวดาบอกว่าบรรดาเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกับเธอหลายคนล้วนติดเชื้อไวรัสนี้ บางวันเธอเห็นรถฉุกเฉินมารับคนป่วยออกไปจากบ้าน ส่วนตัวเธอ สามี ลูกชายวัย 8 ขวบ และหลานสาวที่มาจากเมืองไทย ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อกันทั้งหมด เพียงแต่ยังไม่มีการตรวจยืนยัน

"หมอบอกว่าเราติดเชื้อแล้ว และสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อในปอดมาให้" อวดาได้รับคำปรึกษาจากหมอประจำบ้านผ่านทางโทรศัพท์ที่จะมีการโทรเช็คอาการทุกวัน หมอแนะนำให้กักตัวเองอยู่แต่ในบ้านและกินยาตามที่สั่งจ่าย

"ตอนนี้เป็นมาจะสองสัปดาห์ ก็ทรง ๆ ทรุด ๆ อาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ไอแห้ง ๆ ไอหนัก ๆ เจ็บคอ ปวดศีรษะ อยากอาเจียน และเสียวตรงทรวงอก มีหอบเหนื่อยตอนทำงานบ้านหรือพูด แต่เรายังไม่ได้รับสิทธิ์ให้รักษาและให้ไปตรวจหาเชื้อ เพราะถ้าไม่มีไข้ 38.5 ขึ้นไป ไม่มีอาการหายใจลำบากถึงขั้นต้องให้ออกซิเจน เขาก็จะไม่ตรวจ พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามีอาการคล้ายโควิดแต่ยังไม่หนัก ก็ให้รักษาตัวเองที่บ้าน จนกว่าจะไม่ไหวจริง ๆ เขาถึงจะเอารถพยาบาลมารับ"

อวดาอายุ 43 ปี ส่วนสามีอายุ 57 ปี เธอบอกว่าเขามีอาการมาตั้งแต่เดือนมกราคม และยังไม่หาย แต่ก็ยังไม่หนักจนถึงขั้นได้สิทธิ์ไปรักษาในโรงพยาบาล ส่วนลูกวัย 8 ปีนั้น มีอาการไม่ต่างจากเป็นหวัดอยู่สองสามวัน ขณะนี้สบายดี ขณะที่หลานสาววัย 20 ปีเศษมีอาการคล้ายไข้หวัดแต่หายแล้วเช่นกัน

อวดารับได้กับการต้องดูแลตัวเองที่บ้าน เพราะทราบจากข่าวว่าแพทย์และพยาบาลในเมืองมีไม่เพียงพอ ต้องนำแพทย์ที่เกษียณอายุแล้วมาช่วยงาน เพราะบุคลากรทางการแพทย์เองก็ติดเชื้อจำนวนมาก

แม้จะมีคำสั่งปิดเมืองเพื่อกักกันโรค แต่อวดายังเกรงว่าทางการอิตาลีจะคุมสถานการณ์ไม่ได้ ภาพการหนีออกจากเมืองที่เห็นผ่านสื่อจนแลดูวุ่นวาย ทำให้เธอห่วงว่า "อิตาลีอาจต้องปิดทั้งประเทศ" อีกเหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนความรู้สึกนี้ของเธอก็คือเรื่องสุขอนามัยส่วนรวม

"คนอิตาลีบางส่วนจะพกผ้าเช็ดหน้าประจำตัว เพื่อใช้สั่งน้ำมูก สั่งเสร็จก็เก็บใส่กระเป๋า ส่วนมือก็ไปหยิบจับสิ่งอื่นในที่สาธารณะหรือตามห้างก็ไปจับพวกรถเข็นสิ่งของ" เธออธิบาย ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัยนั้น "คนส่วนใหญ่จะไม่ใส่กันเพราะใครใส่แปลว่าป่วย"

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง