จีนเตรียมออกรายงาน 'การละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ' ปี 2020
ปักกิ่ง, 1 มี.ค. (ซินหัว) -- วันจันทร์ (1 มี.ค.) แถลงการณ์ทางการฉบับหนึ่งระบุว่า เร็วๆ นี้ สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนจะออกรายงานว่าด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ประจำปี 2020
รายงานดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า "รายงานว่าด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐ ปี 2020" เป็นเอกสารที่เขียนด้วยตัวอักษรจีน 15,000 ตัว ซึ่งเขียนรายละเอียดเรื่องการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อันไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่ผลพวงที่น่าเศร้า, ความวุ่นวายจากประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ซึ่งจุดชนวนความวุ่นวายทางการเมือง, กลุ่มชาติพันธุ์ที่ทุกข์จากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ, ความวุ่นวายทางสังคมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงสาธารณะ, ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมรุนแรงยิ่งขึ้น ตลอดจนการที่สหรัฐฯ ก้าวก่ายกฏหมายระหว่างประเทศซึ่งก่อให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรม
รายงานฉบับนี้ชี้ว่า ในปี 2020 การระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความเสียหายรุนแรงแก่ทั่วโลกและคุกคามความมั่นคงของมนุษย์อย่างใหญ่หลวง โดยโรคดังกล่าวได้ลุกลามเกินควบคุมในสหรัฐฯ เนื่องจากการรับมือที่สะเพร่าของรัฐบาลสหรัฐฯ
สหรัฐฯ ซึ่งมีประชากรน้อยกว่า ร้อยละ 5 ของประชากรโลกทั้งหมด มีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากกว่า 1 ใน 4 ของผู้ป่วยที่ได้รับรายงานทั่วโลก และมียอดผู้ป่วยเสียชีวิตเกือบ 1 ใน 5 ของยอดผู้ป่วยเสียชีวิตทั่วโลก โดยอเมริกันที่เสียชีวิตเนื่องจากโรคโควิด-19 นั้นมีมากกว่า 500,000 คน
รายงานเสริมว่าความวุ่นวายในสถาบันประชาธิปไตยอเมริกันยังนำไปสู่ความโกลาหลทางการเมือง ซึ่งบ่อนทำลายโครงสร้างสังคมเพิ่มมากขึ้น
การเมืองที่สามารถซื้อด้วยเงิน ได้บิดเบือนและกีดกันความคิดเห็นของสาธารณชน เปลี่ยนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ให้กลายเป็น "ฉายเดี่ยว" ของชนชั้นเศรษฐี และส่งผลให้ความมั่นใจที่ผู้คนมีต่อระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ถดถอยลงมากที่สุดในรอบ 20 ปี
รายงานชี้ว่ากลุ่มชาติพันธุ์ในสหรัฐฯ ต้องทนทุกข์จากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติเชิงระบบและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
โดยจำนวนกลุ่มคนผิวสีคิดเป็น 1 ใน 3 ในบรรดาผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 18 ปี ในสหรัฐฯ แต่กลับครองสัดส่วนมากถึง 2 ใน 3 ของกลุ่มผู้เยาว์ที่ถูกจำคุกในทั่วประเทศ
เมื่อเทียบกับคนผิวขาว ชาวแอฟริกัน-อเมริกันมีแนวโน้มติดโรคโควิด-19 มากกว่า 3 เท่า เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่า 2 เท่า และถูกฆ่าโดยตำรวจมากกว่า 3 เท่า นอกจากนี้ 1 ใน 4 ของชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอายุน้อยยังเคยตกเป็นเป้าของการรังแกทางเชื้อชาติ
เอกสารดังกล่าวชี้ว่า การค้าปืนและการกราดยิงทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ ส่งผลทำให้ความไว้วางใจในระเบียบทางสังคมของประชาชนในประเทศถดถอยลง
ในปี 2020 มีประชาชนมากกว่า 41,500 ราย เสียชีวิตในเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ เฉลี่ยแล้วคิดเป็นยอดคนตายมากกว่า 110 รายต่อวัน และมีเหตุกราดยิงหมู่เกิดขึ้น 592 ครั้ง ทั่วประเทศ เฉลี่ยแล้วมากกว่าวันละ 1.6 ครั้ง
รายงานฉบับนี้ยังชี้ถึงช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯโดยประชาชนชั้นล่างสุดของสังคมมีชีวิตที่ทุกข์ระทม
การระบาดของโรคโควิด-19 นำไปสู่การว่างงานครั้งใหญ่ในประเทศ ประชาชนหลายสิบล้านคนสูญเสียสิทธิ์ในประกันสุขภาพ โดยรายงานระบุว่ากลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงเป็นเหยื่อกลุ่มใหญ่ที่สุดของการรับมือโรคโควิด-19 อันไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ
รายงานชี้ว่า ในห้วงเวลาที่โลกต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 สหรัฐฯ กลับยืนกรานปฏิบัติตามวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" (America first) ลัทธิโดดเดี่ยว (Isolationism) และลัทธิกระทำเพียงฝ่ายเดียว (unilateralism) โดยออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างบ้าคลั่ง กลั่นแกล้งและคุกคามบรรดาองค์กรระหว่างประเทศ และปฏิบัติต่อผู้แสวงหาที่ลี้ภัยด้วยความโหดร้าย
ด้วยเหตุนี้ สหรัฐฯ จึงกำลังกลายเป็นผู้ก่อปัญหาต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกรายใหญ่ที่สุด เอกสารดังกล่าวระบุ