สหรัฐอเมริกา เตรียมใช้ AI ส่องหาเรือดำน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้
ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก หรือเรียกย่อ ๆ ว่า ออกอัส (AUKUS) ประกาศแผนการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจหาเรือดำน้ำที่ไม่ใช่พันธมิตรในน่านน้ำเพื่อเลี่ยงปัญหาข้อพิพาททางการทหารในเขตมหาสมุทรแปซิฟิก
ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ตรวจหาเรือดำน้ำ
โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า พิลลาร์ ทู (Pilar II) เป็นการต่อยอดจากโครงการที่มีชื่อว่า พิลลาร์ วัน (Pilar I) ซึ่งจะยกระดับกองเรือออสเตรเลียด้วยการพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ โดยใน Pilar II จะเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีทางการทหารร่วมกันในพันธมิตร รวมถึงระบบตรวจจับที่ใช้ AI ขับเคลื่อน
AI ที่ว่านี้จะทำงานผ่านข้อมูลที่ได้จาก โบอิง พี-8 โพไซดอน (Boeing P-8 Poseidon) เครื่องบินตรวจการณ์ที่จะมีเครื่องมือต่อต้านเรือดำน้ำในการค้นหา ซึ่งเครื่องบินตรวจการณ์ P-8 ของแต่ละกองทัพ จะทำงานและเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากัน พร้อมรับข้อมูลจากใต้น้ำผ่านอุปกรณ์ตรวจจับต่าง ๆ ของพันธมิตร เพื่อใช้ระบุตำแหน่ง ความเร็ว และทิศทางของเรือดำน้ำนอกเหนือจากพันธมิตรให้แม่นยำกว่าที่ทำได้ในปัจจุบัน
เป้าหมายพันธมิตรชาติตะวันตกในมหาสมุทรแปซิฟิก
ในตอนนี้ทางพันธมิตรร่วม 3 ชาติตะวันตกยังไม่ได้ระบุข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ตัวใหม่ แต่ได้มีการแถลงการณ์ว่านอกเหนือจากเทคโนโลยี AI แล้วจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารจากควอนตัม (Quantum technologies) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) อาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic weapons) และเทคโนโลยีอื่น ๆ รวม 8 ด้าน ในอนาคต
ทั้งนี้ สำนักข่าวบิสสิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ประจำอินเดีย รายงานว่าการดำเนินงานดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางการเติบโตของกองทัพประชาชนจีนที่ปฏิบัติภารกิจในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน อินเทอร์เรสติง เอนจิเนียริง (Interesting Engineering) สำนักข่าวด้านเทคโนโลยีชื่อดัง รายงานว่าทางกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอน (The Pentagon) ระบุว่าทางการจีนมีเรือดำน้ำขีปนาวุธทิ้งตัวพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear-powered ballistic missile submarine) 6 ลำ เรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear-powered attack submarine) 6 ลำ โดยคาดว่าในปี 2035 จีนจะมีเรือดำน้ำกว่า 80 หน่วย เข้าประจำการ
ที่มาข้อมูล Interesting Engineering, Business Insider India
ที่มารูปภาพ Needpix