อัพเดท Q4/67 "กลุ่มแบงก์" รอด หรือ ร่วง?

#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ สแกนหุ้น "กลุ่มแบงก์" คาดว่ากำไรใน Q4/67 ของธนาคารส่วนใหญ่จะโตในอัตราที่ชะลอตัวลง เพราะ i) NIMs ลดลง ii) รายได้ค่าธรรมเนียมยังโตต่ำ iii) credit cost เพิ่มขึ้นเพื่อ write-off หนี้เสีย นอกจากแรงกดดันทางด้านของ NIM และ credit cost แล้ว ฝ่ายวิจัยคิดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะได้อานิสงส์จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอย่างมาก ซึ่งจะช่วยหนุนกำไร FVTPL ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายธนาคาร พบว่าฐานเงินทุนของ KBANK, KTB และ SCB เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถสร้างสมดุลของกำไรได้ดีขึ้น ฝ่ายวิจัยชอบ BBL มากกว่าเพื่อนเพราะ credit cost ไม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงจะเป็นธีมหลักของ SCB, TTB และ TISCO ส่วนในกรณีของ KBANK และ BBL อาจจะจ่ายปันผลมากกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้
แม้ว่ากำไรดูชะลอตัว แต่มีเงินปันผลปันผลเป็นช่วย ประมาณการ Q4/67 คาดว่ากำไร จะทรงตัว YoY ลดลง 20% QoQ ใน Q4/67 และ จะโต 3.6% ในปี 2567 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงตามฤดูกาล และ มีการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ในไตรมาสสุดท้ายของปี ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากำไรจะลดลงมากถึงประมาณ 20% QoQ โดยเฉพาะสามธนาคารใหญ่ ซึ่งได้แก่ BBL, KBANK และ KTB แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรน่าจะทรงตัว YoY ใน Q4/67 ฝ่ายวิจัยคาดว่าสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้น QoQ จากอุปสงค์ตามฤดูกาลของสินเชื่อธุรกิจ, NIM จะลดลง และคชจ. (credit cost) จะทรงตัวในระดับสูง โดยคาดว่า KBANK และ KTB จะมีกำไร FVTPL สูงจากการลงทุนในตราสารหนี้
NIM ของหลายธนาคารลดลง BBL และ TTB ส่งสัญญาณว่าต้นทุนเงินฝากเริ่มจะลดลง เพราะเงินฝากที่มีต้นทุนสูงทยอยครบกำหนด และถูกแทนที่ด้วยเงินฝากที่มีต้นทุนลดลง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากให้ลดลงได้ และเกือบจะสามารถชดเชย yield ที่ถูกกดดันจากการลดดอกเบี้ยนโยบายได้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า NIM ของ BBL และ TTB จะลดลงประมาณ 5bps QoQ ในขณะที่คาดว่า NIM ของ KKP จะลดลงอย่างมากเนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อ yield ต่ำเพิ่มขึ้น
สินเชื่อน่าจะโตต่ำกว่าเป้า ในขณะที่ credit cost น่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่แบงก์คาดการณ์ ถึงแม้ว่าธนาคารส่วนใหญ่จะยังขยายสินเชื่อได้ QoQ ใน Q4/67 แต่แนวโน้มปี 2567 ยังซบเซา และ สินเชื่อน่าจะแทบไม่โตเลยเพราะธนาคารต่างๆ ใช้กลยุทธ์การปล่อยกู้แบบระมัดระวังมาตั้งแต่ 1H67 ฝ่ายวิจัยใช้สมมติฐานว่าสินเชื่อใน Q4/67 จะขยายตัว 1-1.5% QoQ แต่คาดว่าสินเชื่อเต็มปีของ BBL จะทรงตัว, ของ SCB, KTB KBANK และ TTB จะลดลง 7%, ของ KKP จะลดลง 6% และ ของ TISCO จะลดลง 3% สะท้อนถึงสินเชื่อ H/P ที่ลดลงอย่างมากตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ตกฮวบ ซึ่งการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับนี้ต่ำกว่าเป้าเต็มปีของธนาคารที่ 3-5% แต่ในอีกด้านหนึ่ง ฝ่ายวิจัยคาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน Q4/67 เพราะธนาคารต่าง ๆ ตั้งใจจะบริหารจัดการกำไร โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า KBANK, KTB, SCB, TTB และ TISCO จะเพิ่ม credit cost แต่ BBL จะคงไว้ที่ระดับสูง
เงินปันผลจะช่วยจำกัด downside นอกจากแรงกดดันทางด้านของ NIM และ credit cost แล้ว ฝ่ายวิจัยคิดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะได้อานิสงส์จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอย่างมาก ซึ่งจะช่วยหนุนกำไร FVTPL ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายธนาคาร พบว่าฐานเงินทุนของ KBANK, KTB และ SCB เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถสร้างสมดุลของกำไรได้ดีขึ้น ฝ่ายวิจัยชอบ BBL มากกว่าเพื่อนเพราะ credit cost ไม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงจะเป็นธีมหลักของ SCB, TTB และ TISCO ส่วนในกรณีของ KBANK และ BBL อาจจะจ่ายปันผลมากกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้
Risks NPLs เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง