ยูเครนปฏิเสธไม่ได้ส่งโดรนโจมตีบ้านพักประธานาธิบดี "ปูติน" ของรัสเซีย

ทำเนียบเครมลินของรัสเซียแถลงเมื่อวานนี้ (29 ธันวาคม) ว่า ยูเครนควรถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคดอนบาสที่ยูเครนยังคงควบคุมอยู่

เมื่อถูกถามถึงแนวคิดเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจเสรีในดอนบาส และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวว่า รัสเซียเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการหารือดังกล่าวต่อสาธารณะ

ตามการประเมินของรัสเซียในปัจจุบัน รัสเซียควบคุมพื้นที่ประมาณหนึ่งในห้าของยูเครน รวมถึงแคว้นไครเมีย ซึ่งถูกรัสเซียผนวกเอาเป็นของตนเองในปี 2557 พื้นที่ราวร้อยละ 90 ของดอนบาส, ร้อยละ 75 ของแคว้นซาโปริชเชียและแคว้นเคอร์ซอน รวมถึงพื้นที่บางส่วนของแคว้นคาร์คิฟ, ซูมี, มิโคเลียฟ และดนีโปรเปตรอฟสก์

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ยูเครนได้พยายามโจมตีบ้านพักของประธานาธิบดีปูติน ในแคว้นโนฟโกรอด ส่งผลให้รัสเซียจะทบทวนจุดยืนในการเจรจา โดยลาฟรอฟระบุว่า ระหว่างวันที่ 28–29 ธันวาคม ยูเครนได้ใช้อากาศยานไร้คนขับพิสัยไกลจำนวน 91 ลำ โจมตีบ้านพักของปูตินในแคว้นโนฟโกรอด แต่ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงทำลายทั้งหมด โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดความเสียหาย และการกระทำที่ไม่ยั้งคิดเช่นนี้จะไม่ถูกปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่มีการตอบโต้ พร้อมกล่าวด้วยว่าการโจมตีดังกล่าวถือเป็น “การก่อการร้ายโดยรัฐ” เขากล่าวอีกว่า กองทัพรัสเซียได้คัดเลือกเป้าหมายสำหรับการโจมตีตอบโต้ไว้แล้ว

ลาฟรอฟยังชี้ว่า การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน และแม้ว่ารัสเซียจะไม่ถอนตัวออกจากการเจรจา แต่ก็จะทบทวนจุดยืนของตนใหม่

ส่วนประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็น “คำโกหกอีกครั้งหนึ่ง” พร้อมเสริมว่า รัสเซียกำลังปูทางเพื่อโจมตีอาคารของรัฐบาลในกรุงเคียฟ โดยระบุว่า ข้ออ้างของรัสเซียเป็นความพยายามที่จะบ่อนทำลายการเจรจาสันติภาพ

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนในทันทีว่า ปูตินอยู่ที่ทำเนียบโดลกิเย บอโรดี (Dolgiye Borody) หรือไม่ ซึ่งเป็นที่พำนักที่เคยถูกใช้ในอดีตโดย โจเซฟ สตาลิน, นิกิตา ครุชชอฟ, บอริส เยลต์ซิน และปูติน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส ยังไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข้อกล่าวอ้างของรัสเซียเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าวได้ในทันที