รีเซต

"ศุภจี" ลุกชี้แจงสภา แก้ปัญหาผลกระทบภาษีทรัมป์ จ่อลงพื้นที่ฟื้นการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา

"ศุภจี" ลุกชี้แจงสภา แก้ปัญหาผลกระทบภาษีทรัมป์ จ่อลงพื้นที่ฟื้นการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
TNN ช่อง16
30 กันยายน 2568 ( 09:00 )
11

"ศุภจี" เดินหน้าแก้ปัญหาส่งออกกระทบภาษีทรัมป์ จัดมหกรรมการค้าฟื้นเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชา


นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันแรก (วันที่ 29 กันยายน 2568 ) ของวาระแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยได้ระบุถึงทิศทางการค้าต่างประเทศว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยรัฐบาลตั้งเป้าภายใน 4 เดือนหรือภายในสิ้นปีนี้ 2568 จะต้องขับเคลื่อนการเจรจา ART และเดินหน้าข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–สหภายุโรป(อียู) และ ไทย–เกาหลีใต้


ขณะที่แนวทางในการป้องกันการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ก็ได้มีการแก้ไขในเรื่องนี้ไปแล้ว โดยมีการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ซึ่งได้รวบยอดจากหลายกระทรวงมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ที่เดียว และปรับปรุงรายการเฝ้าระวังสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ จาก 49 รายการ เป็น 65 รายการ 


พร้อมกันนี้ยังมีการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ที่จะประกาศแนวปฏิบัติอย่างชัดเจน ในระบบเทคโนโลยี ทำให้มั่นใจตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ส่วนการปลอมแปลงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ได้มีการออกหนังสือไป 3 แสนกว่าฉบับ แต่มีหนังสือปลอมแปลงเพียง 5 ฉบับ ส่วนในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลง เนื่องจากได้นำระบบการป้องกันมาใช้ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากกรมการค้าต่างประเทศ และกรมศุลกากรปลายทางที่ทำให้สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางและสามารถทำให้ตรวจสอบการปลอมแปลงได้


 

นางศุภจีกล่าวด้วยว่า ในการพัฒนาระบบตอบโต้การทุ่มตลาดด้วย AI ได้พัฒนาการพิจารณาคำขอจาก 4 เดือนเหลือ 1 เดือน รวมถึงกระบวนการอื่นๆ ในการไต่สวนที่จะช่วยย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ได้มีการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย อาทิ การเก็บภาษี สินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท และเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานสินค้า รวมถึงมาตรการตรวจสอบและถอดสินค้าออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อปกป้องไม่ให้สินค้าทะลักเข้ามาทำลายผู้ผลิตในไทย 



นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจในการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs เช่น การขยายตลาดใหม่ไปยังเอเชียใต้ และตะวันออกกลาง แอฟริกาหรือลาตินอเมริกา เป็นต้น ขณะเดียวกันผลจากการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี จึงมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากเป็นเรื่องที่เราไม่ละทิ้ง นอกจากนี้อยากชี้แจงเกี่ยวกับการลดค่าของชีพของประชาชน และการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนของมหกรรมธงฟ้า รวมถึงลดค่าของชีพด้านสุขภาพ ยา เวชภัณฑ์


นางศุภจีกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการจัดการและดูแลสินค้าทางการเกษตรนั้น เราต้องแก้ไขในระยะยาว ซึ่งมีการประเมินอุปทานและอุปสงค์ล่วงหน้า ผลักดันการส่งออกและกำหนดมาตรฐานนำเข้า ขณะเดียวกันสถานการณ์ข้าวโลก มีอุปสงค์และอุปทานไม่ตรงกัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จำกัดการนำเข้าข้าว ทำให้พบว่าสถานการณ์เข้าไทยปัจจุบันมีเหลืออยู่ 25.3 ล้านตัน แต่มีส่วนที่จะต้องบริหารจัดการเพียง 1.8 ล้านตัน ที่ต้องวางแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว


สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการชายแดนไทย-กัมพูชา ตนเองตั้งใจจะลงพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด เพื่อจัดมหกรรมการค้าชายแดน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพิ่มช่องทางตลาด ส่งเสริมการส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้น รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยด้วยการผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง