รวบชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง เปิดร้านโรตี เคบับ แย่งอาชีพคนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 7 ก.พ. 2566 ว่าที่ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าภายในภายในถนนข้าวสารและซอยรามบุตรี แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีคนต่างด้าวจำนวนมากมาเปิดร้านในลักษณะรถเข็น ขายโรตี,เคบับ ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้าม แย่งอาชีพคนไทย
จึงได้สั่งการ ให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ตรวจสอบ และนำข้อมูลดังกล่าวประชุมวางแผน เพื่อดำเนินการเข้าตรวจสอบจับกุม
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้อำพรางตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปตรวจสอบตามที่ประชาชนให้เบาะแส พบว่าภายในซอยรามบุตรี มีคนต่างด้าวมาเปิดร้านขายโรตีและเคบับ จำนวนหลายร้าน จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแสดงบัตรประจำตัวให้คนต่างด้าวดู
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบนั้น คนต่างด้าวหลายรายไหวตัวทันและได้วิ่งหลบหนีไปทิ้งไว้เพียงรถเข็นขายของ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไว้ได้รวมทั้งสิ้น 11 ราย ได้แก่ 1.นายทะอ่อง อายุ 21 ปี , 2. นาย โมยัมเอ อายุ 20 ปี , 3. นาย ฮงทาย อายุ 33 ปี , 4. นายอู อายุ 25 ปี , 5. นาย โทเร อายุ 19 ปี , 6. นาย มีโส อายุ 30. ปี , 7. นาย ออจุน อายุ 33 ปี , 8. น.ส. เลเนวี อายุ 29 ปี , 9. น.ส.สาเน ทุย อายุ 33 ปี , 10. น.ส.แวว อายยุ 46 ปี , 11.น.ส.มูมู อายุ 28 ปี
ซึ่งระหว่างการตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 ราย ไม่สามารถแสดงเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้เจ้าหน้าที่ดูได้ ซึ่งการเร่ขายสินค้านั้นเป็นงานต้องห้าม คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ อันเป็นความผิดตาม มาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 และทั้งหมดยอมรับว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางพรมแดนที่ติดกับประเทศไทย และเข้ามาเปิดร้านขายโรตี, เคบับ รวมถึงสินค้าอื่นๆ
โดยมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีรายได้เฉลี่ยต่อวันยังไม่หักต้นทุนถึง 1,000 - 1,500 บาท สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยที่ค้าขายอย่างถูกต้องในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 รายทราบว่า
"เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางอนุญาตตามกฎหมาย และเป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้"
จากนั้นได้นำตัวทั้ง 11 ราย ส่ง พนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป
โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ซึ่งได้มอบหมายให้ สตม. เป็นหน่วยงานหลัก ในการดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 รับผิดชอบงานสืบสวน ที่ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบคนต่างด้าวที่มีพฤติการณ์ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีเงิน อันเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการที่ทำมาหากินโดยสุจริต รวมทั้งลักลอบจ้างคนต่างด้าวทำงานโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ.