รีเซต

ปชช.เฮ! “เราชนะ” ขยายเวลาใช้จ่ายถึง 30 มิ.ย. ล่าสุดปชช.ใช้จ่ายทะลุ 2 แสนล้านบาท

ปชช.เฮ! “เราชนะ” ขยายเวลาใช้จ่ายถึง 30 มิ.ย. ล่าสุดปชช.ใช้จ่ายทะลุ 2 แสนล้านบาท
มติชน
20 เมษายน 2564 ( 15:18 )
71
ปชช.เฮ! “เราชนะ” ขยายเวลาใช้จ่ายถึง 30 มิ.ย. ล่าสุดปชช.ใช้จ่ายทะลุ 2 แสนล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ของโครงการเราชนะ ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 จากเดิมที่สามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางออกไปใช้จ่ายในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่

 

น.ส.กุลยา กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการ ณ วันที่ 20 เมษายน 2564 มีผู้ได้รับสิทธิในโครงการเราชนะแล้ว ทั้งสิ้นจำนวน 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 200,353 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,197 ล้านบาท

 

น.ส.กุลยา กล่าวว่า กลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอพพลิเคชัน เป๋าตัง ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองและยืนยันการใช้สิทธิแล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 113,010 ล้านบาท และ กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 14,146 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าที่มีแอพพลิเคชัน ถุงเงิน ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ

 

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้รับเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตของประชาชนหรือผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ โดยมีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและตรวจสอบ โดยหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือแอพพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้า และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชนในการรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแส รวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ทางไปรษณีย์มาที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail): wewin@fpo.go.th

ข่าวที่เกี่ยวข้อง