AKRจ่อคิวประมูลตุนแบ็กล็อก ดีมานด์หม้อแปลง-โซลาร์ดัน

#AKR #ทันหุ้น – AKR มองความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้ายังมีต่อเนื่อง เตรียมประมูลงานใหม่ 3,000 ล้านบาท เติมพอร์ตคาดได้งาน 10-15% จากปัจจุบันมีงานในมือกว่า 1,000 ล้านบาท ด้านงานรับติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป มีลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมทยอยเข้ามาต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนรับสิทธิ BOI แล้ว วางงบ 200 ล้านบาท ทำ โซลาร์รูฟท็อป 5-10 เมกะวัตต์
นายดนุชา น้อยใจบุญ กรรมการ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการซ่อมบำรุงรักษา รับออกแบบติดตั้งรวมทั้งก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย รวมทั้งผลิตและจำหน่ายเซลล์แสงอาทิตย์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ และให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2567 เติบโตล้อไปกับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ GDP ในประเทศ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน
*ตุนแบ็กล็อกพันล.
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอการทยอยส่งมอบ (Backlog) ในส่วนของงานหม้อแปลงไฟฟ้า อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2567 นี้ ขณะที่ Backlog ในส่วนของธุรกิจงานรับเหมาออกแบบและติดตั้ง (EPC) แผงโซลาร์รูฟท็อป มีอยู่ในมือที่ราว 200 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ทั้งหมดในปี 2567 ทั้งหมด
และยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานพลังงานลม 5 เมกะวัตต์ ที่ลงทุนไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป 5-10 เมกะวัตต์ โดยวางงบลงทุนไว้ประมาณ 200 ล้านบาท
ด้านธุรกิจงานรับเหมาออกแบบและติดตั้ง (EPC) แผงโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจแบบ 2 รูปแบบ ได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง EPC และการลงทุนให้ หรือเป็น “Private PPA” หรือ Power Purchase Agreement เป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตได้จากระบบ Solar Rooftop PPA ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่น ด้วยปัจจัยค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มสูง ทำให้ไม่ว่าจะทั้งลูกค้าผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม มีความสนใจในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเข้ามาเป็นจำนวนมาก และการย้ายฐานทุนของต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานในไทย รวมถึงการขยายสิทธิ BOI ในปี 2567 มองว่าช่วยทำให้ผู้ประกอบการหันมาให้ความสนใจติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาเพิ่มมากขึ้น
*จ่อประมูล3,000 ล.
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานที่อยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานเพิ่มเติมทั้งในส่วนของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า จากลูกค้าภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมถึงลูกค้าภาคเอกชน มูลค่าราว 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยปกติจะได้รับงานเข้ามาราว 10-15% ปัจจุบันงานเอกชนแบ่งเป็นประมาณ 70% และงานภาครัฐบาล 30%
ปี 2567 นี้งานหม้อแปลงไฟฟ้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาจากการลงทุนมากขึ้น หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการย้ายทางการผลิตจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย ก็ทำให้บริษัทได้รับปัจจัยหนุนไปด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าในปี 2567 มองว่ายังคงสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20-30% จากปีก่อน โดยตอนนี้บริษัทยังคงขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันส่งออกไปยังหลายประเทศ ทั้งกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น สปป.ลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, บรูไน และออสเตรเลีย และล่าสุดได้มีการขยายไปยังมัลดีฟส์ ซึ่งเชื่อว่าจะได้เห็นการรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาได้เพิ่มเติม