ทำไมต้องง้อ ? "Apple" ยอมจ่าย 300 ล้านเหรียญ แลกขาย "ไอโฟน" ในอินโดนีเซีย

การลงทุนด้าน"เทคโนโลยี" หรืออุตสาหกรรมใหม่เป็นสิ่งหลายชาติอยากให้เกิดขึ้นในประเทศของตัวเอง
รวมถึงประเทศไทย และในกลุ่มชาติอาเซียน
และล่าสุด "อินโดนีเซีย" เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการดึงเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว
ไม่กี่วันที่ผ่านมา "Apple" บริษัทแอปเปิ้ล ประกาศลงทุนกว่า 300 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสร้างโรงงาน และศูนย์วิจัยพัฒนาต่างๆ ภายในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อแลกกับได้กลับมาทำการตลาด ขาย ไอโฟน "iPhone" 16 ภายในประเทศนี้ได้อีกครั้ง หลังจากปี 2567 ที่ผ่านมา ถูกรัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศห้าม หรือ แบนการจำหน่าย "iPhone" ไอโฟน 16 ทั้ง 5 รุ่น ภายในประเทศ เนื่องจากผิดเงื่อนไขเรื่องชิ้นส่วนของการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผลิตภายในประเทศ 40 %
จะเห็นได้ว่า Apple ยอมแลกยอมลงทุน เพื่อให้ไอโฟนได้ขาย หรือทำการตลาดในอินโดนีเซีย
และถามว่าทำไมแอปเปิ้ลต้องง้อ ? ต้องให้ความสำคัญกับตลาดนี้ ? ทำไมไม่ยอมตัดใจทิ้งไป ?
ข้อมูลจากกระทรวงการสื่อสารของอินโดนีเซีย ประกาศเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ระบุว่า อินโดนีเซียได้ออกใบอนุญาตโทรคมนาคม สำหรับ iPhone 16 ของแอปเปิ้ล (Apple) ทั้ง 5 รุ่นแล้ว ได้แก่ iPhone 16e, iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, และ iPhone 16 Pro Max ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การอนุญาต ให้สามารถจำหน่ายในประเทศอินโดได้ โดยเหลือเพียงแค่ขั้นตอนเดียว คือ การออกใบอนุญาตนำเข้าจากกระทรวงพาณิชย์หากผ่านแล้ว แอปเปิ้ลก็สามารถขาย iPhone 16 ภายในประเทศได้ทันที
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การออกใบอนุญาตครั้งนี้ หรือการปลดล็อกครั้งนี้ มีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่อินโดนีเซียออกใบรับรองสำหรับส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลจำนวน 20 รายการ ซึ่งรวมถึง iPhone 16 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียได้สั่งห้ามขาย iPhone 16 เนื่องจากแอปเปิ้ลไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด ที่กำหนดให้สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศอินโด จะต้องมีส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 40%
และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Apple ได้เสนอแผนการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์เสริมและชิ้นส่วนในอินโดนีเซีย แต่ข้อเสนอดังกล่าวนี้ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย เนื่องจากมองว่ายังไม่เพียงพอที่จะแลกการกับยกเลิกคำสั่งห้ามจำหน่าย iPhone 16
กระทั่งล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา การดีลสำเร็จ แอปเปิ้ลได้ลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลอินโดนีเซีย และประกาศว่าจะลงทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในอินโดนีเซีย ทั้งการตั้งโรงงาน AirTag ที่เกาะบาตัม
ขณะที่ Luxshare ซัพพลายเออร์หลักของแอปเปิลจะลงทุน 150 ล้านดอลลาร์ ใช้แบตเตอรีที่ผลิตในอินโดนีเซีย รวมทั้งตกลงศึกษาแผนตั้งโรงงานผลิต AirPods Max เพิ่มเติม นอกจากนี้แอปเปิลจะลงทุนด้านอื่นเพิ่มด้วยเงินสดอีก 160 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วน สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท และสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา
ที่น่าสนใจ คือ การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Apple สามารถกลับมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดอินโดนีเซียได้อีกครั้ง แต่ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซีย
โดยเฉพาะการสร้างงานและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ นอกจากนี้ การที่ Apple เข้ามาลงทุน ยังเป็นการส่งสัญญาณให้กับนักลงทุนต่างชาติรายอื่น ๆ ว่า
อินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพและพร้อมต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ
จะเห็นได้ว่า Apple ยอมแลกยอมลงทุน เพื่อให้ไอโฟนได้ขาย หรือทำการตลาดในอินโดนีเซีย และถามว่าทำไมแอปเปิ้ลต้องง้อ
ต้องให้ความสำคัญกับตลาดนี้ ทำไมไม่ยอมตัดใจทิ้งไป วันนี้เราสรุปมาให้ 5 ข้อด้วยกัน
1. อินโดนีเซีย คือ ตลาดใหญ่ กำลังซื้อสูง
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก (กว่า 277 ล้านคน) เทียบกับเมืองไทย เราเล็กกว่าหลายเท่า ด้วยประชากรเพียงแค่ 60 กว่าล้านคน ดังนั้นอินโดฯจึงกลายเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเบอร์หนึ่งของอาเซียน ในช่วงเวลนี้ที่ประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากกำลังเข้าสู่ชนชั้นกลาง และมีความต้องการเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของ iPhone
2. อินโดนีเซีย มีความชัดเจน เรื่องกฎระเบียบการลงทุนที่เข้มงวด
รัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดกฎว่า สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศ ต้องมีชิ้นส่วนหรือมูลค่าการผลิตภายในประเทศอย่างน้อย 40% ทำให้ Apple จำเป็นต้องหาแนวทางลงทุนหรือร่วมมือกับบริษัทในท้องถิ่น
เพื่อให้สามารถขาย iPhone ในประเทศได้ หากไม่ปฏิบัติตาม iPhone รุ่นใหม่ ๆ จะถูกห้ามจำหน่าย
3. อินโดนีเซีย มี คู่แข่งจากจีนและซัมซุงกำลังรุมแย่งตลาด
หาก Apple ไม่สามารถทำตลาดในอินโดนีเซียได้ คู่แข่งหลักๆอย่าง Samsung, Xiaomi และ OPPO จะเข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ Apple สูญเสียโอกาสในระยะยาว
4. อินโดนีเซีย เป็นฐานการผลิตที่มีศักยภาพ
อินโดนีเซียกำลังผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ EV หาก Apple ตั้งโรงงานผลิตหรือซัพพลายเชนบางส่วนในประเทศ
นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ยังสามารถใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบ เช่น นิกเกิล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแบตเตอรี่ในอุปกรณ์พกพา
5. อินโดนีเซีย คือ กุญแจสู่ตลาดอาเซียน
Apple ต้องแข่งขันในระดับภูมิภาค และอินโดนีเซียถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน การตั้งฐานการลงทุนที่นี่จะช่วยให้ Apple มีข้อได้เปรียบในการกระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย
ทุกประเทศมักจะมีแต้มต่อบางอย่างเสมอ เหมือนกับอินโดนีเซีย ที่ยอมฝืนสู้ต่อรองกับยักษ์ใหญ่ อย่างแอปเปิ้ลได้สำเร็จ และผลที่ได้มาคือเม็ดเงินจากการลงทุนมหาศาล ได้ทั้งจ้างงาน และเทคโนโยลี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ที่กำลังร้อนแรงและเป็นที่ต้องการในทุกตลาดในปัจจุบันนี้