ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบจากแรงกดดันเศรษฐกิจมหภาค

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดลบในคืนวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2568 ลดลง 114.83 จุด หรือ -0.27% ปิดที่ 42,677.24 จุด ขณะที่ S&P500 ลดลง 23.14 จุด หรือ -0.39% ปิดที่ 5,940.46 จุด และ Nasdaq ลดลง 72.75 จุด หรือ -0.38% ปิดที่ 19,142.71 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) และความกังวลต่อสถานะหนี้ของภาครัฐ

บอนด์ยีลด์พุ่ง ฉุดต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้น

บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีขยับขึ้นแตะระดับ 4.481% ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย รถยนต์ และบัตรเครดิต ซึ่งมักปรับตัวตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาการส่งสัญญาณจากเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง

ความกังวลต่อฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ กดดันตลาด

ปัจจัยกดดันเพิ่มเติมคือประเด็นด้านเสถียรภาพทางการคลัง หลังมีรายงานว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางเข้ารัฐสภาเพื่อโน้มน้าวให้ผ่านร่างกฎหมายลดภาษีครั้งใหม่ ทั้งภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจเพิ่มภาระหนี้สาธารณะอีก 3–5 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยล่าสุด Moody's ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ จาก Aaa เหลือ Aa1 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ภาพรวมภาคธุรกิจ: พลังงานร่วง-เทสลาฟื้นตัว

ดัชนี S&P500 เผยว่ามีเพียง 3 ใน 11 กลุ่มหลักที่ยังยืนในแดนบวก โดยกลุ่มพลังงานลดลงแรงที่สุดที่ 1% ตามด้วยกลุ่มบริการด้านการสื่อสารที่ลดลง 0.77% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 0.3% และ 0.27% ตามลำดับ สำหรับหุ้นรายตัว โฮม ดีโปท์ (Home Depot) ปิดลบ 0.6% แม้รายได้ไตรมาส 1 จะออกมาดีเกินคาด ส่วนเทสลา (Tesla) ปรับขึ้น 0.51% หลังจากอีลอน มัสก์ ประกาศจะยังดำรงตำแหน่งซีอีโอต่ออีก 5 ปี

ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยจากเฟด

นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับการส่งสัญญาณจากเฟด โดยผลสำรวจล่าสุดระบุว่าตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% โดยการปรับลดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนกันยายน ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว