รีเซต

OSP หุ้นร่วง 4 วันติด การแข่งขันสูงในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 68 โบรกปรับลดราคาเหมาะสม

OSP หุ้นร่วง 4 วันติด การแข่งขันสูงในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 68 โบรกปรับลดราคาเหมาะสม
ทันหุ้น
29 มกราคม 2568 ( 13:02 )
5

 

#OSP #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้น OSP วันที่ 29 ม.ค. ราคาลดลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่สี่ (24-28 ม.ค.) ปิดการซื้อขายช่วงเช้า OSP ราคาอยู่ที่ 17.80 บาท ลดลง 1.10 บาท (-5.82%) มูลค่าการซื้อขาย 548 ล้านบาท หากนับจากราคาปิดครั้งสุดท้ายก่อนที่ราคาหุ้นจะลดลงเมื่อวันที่ 21 ม.ค. หุ้น OSP ปิดที่ 21.50 บาท ถึงปัจจุบันราคาลดลงไปแล้ว 17% ภายหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ โบรกเกอร์หลายรายปรับลดราคาเหมาะสมของหุ้นลง จากแนวโน้มการแข่งขันสูงในธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง

.

บล.ฟิลลิป : คาดไตรมาส 4/67 ยอดขายลด y-y แต่โต q-q

คาดยอดขายไตรมาส 4/67 ที่ 6,386 ลบ. +5.7% q-q, -2.2% y-y โดยกลุ่มเครื่องดื่มที่ขายในตปท.และ Personal Care เป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุดหากเทียบกับไตรมาส 4/66 คาด GPM อยู่ที่ 37.5%

คาดกำไรสุทธิ 558 ลบ. +254.6% q-q, +29.1% y-y และ คาดการณ์ยอดขายปี 67อยู่ที่ 27,034 ลบ. +3.7% กำไรสุทธิที่ 1,630 ลบ. -32.2% แนะนำ "ทยอยซื้อ" ราคาพื้นฐาน: 21.20 บาท

.

บล.ลิเบอเรเตอร์ : กลับมารุกตลาด 10 บ. !?

"เรากังวลต่อกลยุทธ์ของ OSP ในการชิงส่วนแบ่งตลาดว่าจะทำให้แย่งยอดขายกันเองระหว่างราคา 10 บาทและ 12 บาท รวมถึงการแข่งขันจะรุนแรงขึ้นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงจะเห็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูว่ากลยุทธ์ใหม่จะส่งผลได้อย่างที่คาดหรือไม่

Valuation ไม่แพงราคาหุ้นวานนี้ปรับลงมากเกินไปสะท้อนปัจจัยลบมากแล้ว เรามองว่าเริ่มน่าสนใจทยอยสะสม"

.

บล.กสิกรไทย : การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจนำไปสู่สงครามราคา

บล.กสิกรไทยคาดกำไรปกติไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 611 ลบ. (+6.8% YoY,+21.4% QoQ) ไม่รวมผลขาดทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 110 ลบ. เราคาดว่ากำไรปกติปี 67 จะเติบโต 30%

ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 67-69 ลง -1.7%/-16.6%/-16.5%เนื่องจากเราปรับสมมติฐานยอดขายในประเทศและ GPM ในกรณีปกติของเรา

บล.กสิกรไทยปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" และลดราคาเหมาะสมเป็น 19.80 บาท เนื่องจากเราเชื่อว่าการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดสงครามราคาและอัตรากำไรลดลงในปี 68

.

บล.เอเซียพลัส  : แม้คาดกำไรปกติไตรมาส4/67 ไม่แย่ แต่กำไรปีนี้ดูท้าทาย

บล.เอเซียพลัสคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 ของ OSP ที่ 628 ล้านบาท (+45%YoY) พลิกจากขาดทุนสุทธิ 361 ล้านบาทในไตรมาส 3/67 แต่หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 60 ล้านบาท คาดกำไรปกติอยู่ที่ 688 ล้านบาท เติบโต 2%QoQ เพราะมียอดขายสูงขึ้น และคาดกำไรโตดี 16%YoY จากมาร์จิ้นเพิ่มสูง ชดเชยยอดขายที่ตกต่ำ หากกำไรปกติไตรมาส 4/67 เป็นไปตามคาด ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะมี upside จากประมาณการกำไรปี 67 ของเราราว 4-5% ทำให้เราปรับเพิ่มคาดกำไรปกติปี 67-68 ขึ้น 5% และ 2% เพื่อสะท้อนมาร์จิ้นที่สูงชดเชยยอดขายที่คาดโตต่ำ แต่เราปรับลด PER ลงเหลือ 22.0 เท่า(-1.5 S.D) จากเดิม 26.2 เท่า เพราะความเสี่ยงเรื่องส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่คาดลดลงต่อเนื่อง ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 24.0 บาท และคงคำแนะนำ “Neutral” เพราะยังมีอัตราเงินปันผล 5.8% ที่จูงใจ

.

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ

แนวโน้มปี 2568 - ผู้บริหารเผยว่าในปี 2568 บริษัทเตรียมรีลอนซ์ M150 ฝาเหลืองรุ่นลิมิเต็ด ราคา 10 บาท ในร้านค้าดั้งเดิมบางแห่ง จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนก.พ.2568เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืน โดยตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 45% ณ สิ้นปี 2567 เป็นประมาณ 50%ณ สิ้นปี 2568 (เทียบกับ 54% ในปี 2562)

อย่างไรก็ตาม เรามองว่ากลยุทธ์นี้อาจทำให้เกิดการแย่งยอดขายระหว่างผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทเอง ซึ่งรวมถึง M150 ฝ่าน้ำเงินราคา 10 บาท และ M150 รุ่นหลักราคา 12 บาท

บล.ดีบีเอสฯแนะนำ “ถือ” ให้ราคาพื้นฐาน 22 บาท ทั้งนี้ คาดการณ์ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศปี 2568 เติบโตเป็นเลขหลักเดียวด้านต่ำ (low single-digit) เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น ค่าใช้จ่าย SGA/รายได้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น y/y ในปี 2568 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว ส่งผลให้ core profit ปี 2568 จะหดตัวราว -1% y/y

.

บล.พาย : คาดกำไรไตรมาส 4/67 ฟื้นตัว แต่การแข่งขันมีแนวโน้มรุนเเรงมากขึ้น

บล.พายคาด OSP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ที่ 683 ล้านบาท (+58%YoY) เทียบกับขาดทุนสุทธิ 361 ล้านบาทในไตรมาส 3/67 ผลจากการตั้งด้อยค่าโรงแก้วที่ประเทศเมียนมาร์ราว 1 พันล้านบาท ผลจากยอดขายในต่างประเทศที่เติบโตดีมาชดเชยกับยอดขายในประเทศที่ลดลง YoY คาดส่วนแบ่งการตลาดในประเทศ 45.0%ในไตรมาส 4/67 ลดลงจาก 45.4% ในไตรมาส 3/67 บริษัทเตรียมทำ Campaign ฉลองครบรอบ 40 ปี โดยนำ M150 สีเหลือง (รสดั้งเดิม) กลับมาขายในราคา 10 บาท/ขวด เพื่อเจาะตลาด Traditional trade ซึ่งบริษัทคาดหวังส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้น 5 % ในปี 2568ในมุมเรามองว่าการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจะรุนแรงมากขึ้น ทำให้ภาพระยะยาวของอัตราการทำกำไรมีแนวโน้มอ่อนตัวลง เราคงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 20.00 บาท (เดิม 22.00 บาท) ไม่รวม upside จาก M&A ที่อาจจะเกิดขึ้น

.

บล.อินโนเวสท์เอกซ์ : พรีวิวไตรมาส 4/67 คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ แต่ปรับประมาณการปี 2568 ลดลง

บล.อินโนเวสท์เอกซ์คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 4/67 ของ OSP ที่ 692 ลบ. (+16.9% YoY และ +3% QoQ) โดยได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจากตลาดต่างประเทศและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยชดเชยส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่อ่อนแอลง

ทั้งนี้ หลังจากส่วนแบ่งการตลาดลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในปี 2567 OSP จะกลับมาวางจำหน่าย M-150 ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทในราคาขวดละ 10บาทในช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิมเท่านั้นในปี 2568ซึ่งเรามองว่าจะทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น และจะทำให้การเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดต้องใช้เวลานานและทำได้ยากขึ้น

ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2568 ของ OSP ลดลง 10.8% มาอยู่ที่ 2.88 พันลบ. และปรับคำแนะนำ tactical call ลงจาก Outperform สู่ Neutral โดยปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ใหม่เป็น 23 บาท/หุ้น อ้างอิงระดับ -1.5SD จาก PE เฉลี่ย 5 ปีที่ 24 เท่า

.

บล.บัวหลวง

บริษัทจัดประชุมให้ข้อมูลภาพ 2568 ตั้งเป้ารายได้ 6-8% YoY และกำไรยังเติบโต > 10%

รายได้จากเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ (30% ของรายได้) โต 2-3% และธุรกิจอื่นๆ โต >10% YoY

บริษัทยืนยันเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568 ยังคงที่จากปี 2567 ได้ แม้มีการปรับพอร์ตเพิ่ม M150 ฝาเหลือง 10 บาท ในร้านค้ารายย่อย

การทำกิจกรรมการตลาด ทำที่ผู้บริโภคเป็นหลักแทนการทำที่คู่ค้า จึงจะใช้งบการตลาดเท่าเดิม

โปรแกรม cost efficiency ในปี 2567 จะส่งผลบวกต่อมาร์จิ้น เป็นส่วนรองรับอัตรากำไรอาจลดลงจากการปรับพอร์ต

บล.บัวหลวงแนะนำ “ถือ” ระบุว่าการชิงส่วนแบ่งการตลาด อัตราการทำกำไร และค่าใช้จ่ายยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในปี 2568 เรามองระยะสั้นหุ้น OSP ยังถูกกดดันจากงบไตรมาส 4/67 ที่อ่อนกว่าคาด

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง