รพ.เด็ก รับเตียงโควิดอ่วม ครองแล้วกว่า 80% ชี้เหตุเพิ่งรับวัคซีน-เปิดเรียนออนไซต์

ข่าววันนี้ 21 กุมภาพันธ์ ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือ โรงพยาบาล (รพ.) เด็ก นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กฯ เปิดเผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็ก ว่า ปัจจุบันมีเด็กติดเชื้อโควิด-19 สูงขึ้นจากเดิมในเดือนมกราคม 2565 มีเด็กติดเชื้ออยู่ประมาณ 200 ราย แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ ณ ขณะนี้มีเด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 150 ราย ในภาพรวมของเด็กทั้งประเทศ มีเด็กติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 15-17 ของการติดเชื้อในผู้ใหญ่ โดยมีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนอยู่ที่ร้อยละ 17 จากเดิมของการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าที่อยู่ที่ร้อยละ 13-15

“โดยมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ 1. เด็ก 5-11 ปี เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีน และ 2.เริ่มมีการเปิดเรียนออนไซต์ อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขเด็กที่ติดเชื้อ มีอาการรุนแรงไม่ถึงร้อยละ 3 กว่าร้อยละ 50 ไม่มีอาการ และร้อยละ 30 มีอาการเล็กน้อย เป็นผู้ป่วยสีเขียว ดังนั้น การแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอนแม้จะมีการติดเชื้อที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ความรุนแรงยังน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า” นพ.อดิศัย กล่าวและว่า โดยตามปกติอาการของเด็กที่ติดเชื้อจะมีไข้อยู่ที่ประมาณ 5 วัน แต่จะต้องสังเกตุอาการถึง 10 วัน และติดตามอาการต่อถึง 14 วัน โดยขณะนี้การรักษาในเด็กก็เหมือนการรักษาผู้ใหญ่ หากเด็กรับประทานยาเม็ดไม่ได้ จะมียาน้ำสำหรับเด็ก โดยให้ยาตามน้ำหนักตัวของเด็ก ดังนั้น ต้องย้ำพ่อแม่ให้เข้าใจว่า จากการคุยกับผู้เชี่ยวชาญเด็กหลายราย เชื้อโอมิครอนในเด็กเหมือนการเป็นไข้หวัด ซึ่งเมื่อผู้ปกครองเข้าใจจะช่วยลดความกังวลไปได้

นพ.อดิศัย กล่าวว่า เด็กที่ได้รับการดูแลในรูปแบบโฮม ไอโซเลชั่น (HI) หรือ รักษาที่บ้าน จะต้องผ่านการคัดกรองไข้ไม่สูง ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง เด็กไม่ซึม รับประทานอาหารได้ มีพ่อแม่ดูแล และมีห้องแยกป้องกันการกระจายของเชื้อ ทั้งนี้เมื่อผ่านการคัดกรองดังกล่าว เด็กในระบบจะแทบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี ขอให้แพทย์เข้ามาทำการคัดกรองด้วยตนเอง ผ่าน รพ.ใกล้เคียงที่สะดวก เมื่อเด็กผ่านการคัดกรองแล้ว จะมีทีมพยาบาลติดตามอาการอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยจะส่งเครื่องมือวัดไข้ ยา ถุงขยะติดเชื้อ อาหาร รวมทั้งของเล่นให้เด็กด้วย โดยในบางรายจะให้พ่อแม่ ส่งคลิปวิดีโอเพื่อติดตามอาการ รวมทั้งมีระบบไลน์ ที่ติดต่อ หรือโทร.ได้โดยตรง จากการเข้าสู่ระบบ HI ที่ทำมาแล้วเกือบ 1,000 ราย โอกาสอาการรุนแรงมีเพียงร้อยละ 1 ที่ต้องเข้ามาทำการรักษาใน รพ.ต่อ

นพ.อดิศัย กล่าวว่า ช่วงอายุของเด็กที่ติดโควิด-19 ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 4 อายุน้อยกว่า 2 ปี สำหรับกลุ่มที่มีอาการรุนแรงร้อยละ 3 จะมีโรคประจำตัว อาทิ โรคหัวใจ สมอง มะเร็ง หรือกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องเร่งทำการฉีดวัคซีนในเด็กกลุ่มนี้ สำหรับภาพรวมการสำรวจเตียง 20 กว่าแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ในเครือข่ายสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่า มีประมาณ 500 กว่าเตียง และมีการครองเตียงแล้วกว่าร้อยละ 80 โดยเตียงเด็กจะไม่เหมือนเตียงผู้ใหญ่ จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือ อายุน้อยกว่า 20-30 วัน หรือกลุ่มแรกเกิด (New Born) กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่อายุมากกว่า 12 ปี และกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่อายุ 1-5 ปี สำหรับการดูแลบุตรหลานเบื้องต้น ระหว่างที่รอการประสานงานเข้าสู่ระบบ หากไข้ไม่สูงให้เช็ดตัว รับประทานยาลดไข้ สำหรับเด็กที่มีอาการรุนแรง หรือมีการเปลี่ยนแปลง เช่น มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง ซึม ไม่รับประทานอาหาร หายใจเร็ว ให้รีบไป รพ.ใกล้บ้าน

“ทั้งนี้ สถาบันสุขภาพเด็กฯ ยังมีเครือข่าย รพ.เอกชน เครือข่ายสำนักการแพทย์ ในการแบ่งโซน ดูแลประชาชน ได้แก่ รพ.ศิริราช รพ.จุฬาภรณ์ รพ.รามาธิบดี รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ และ รพ.วชิรพยาบาล ซึ่งพยายามทำเครือข่ายให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย และสถาบันสุขภาพเด็กฯ ตอนนี้มีผู้ป่วยโควิดเด็กในการดูแล 76 ราย ซึ่งเกิดจำนวนเตียงที่มี แต่กำลังจะเพิ่มเป็น 80 เตียง โดยมีผู้ปกครองมารักษาด้วย เนื่องจากเป็นการติดเชื้อภายในครอบครัว เด็กเล็กส่วนใหญ่ติดจากผู้ปกครอง สถาบันสุขภาพเด็กฯ จึงได้ดูแลผู้ปกครองร่วมกับเด็กเล็กด้วย และมีผู้ปกครองที่เข้ารับการรักษาอยู่ 20 ราย และจะประสานไปยัง รพ.ราชวิถี ให้มาช่วยดูแลแต่จะไม่แยกแม่กับลูกออกจากกัน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการรักษาเนื่องจากกินยาง่าย และยอมรับการรักษาง่ายขึ้น ซึ่งในขณะนี้เตียงเต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เตียงของเด็กทารกแรกเกิดยังว่าง นอกจากนี้ ยังมีระบบคอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น (CI) ของเด็กที่เกียกกาย รักษาเฉพาะเด็กอายุ 5-11 ปี มีเตียงรองรับ 52 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยครองเตียงแล้ว 12 เตียง” นพ.อดิศัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกรณีที่เตียงเต็มแล้ว จึงได้จัดระบบ HI ใช่หรือไม่ นพ.อดิศัย กล่าวว่า ที่มีระบบ HI ขึ้นมาไม่ใช่เพราะว่าเตียงเต็ม แต่เป็นการจัดการตามนโยบายของภาครัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยจะรับเฉพาะเด็กที่เป็นผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง และอายุน้อยกว่า 5 ปี และ 1 ปี เป็นหลัก มีเตียงเด็กแรกเกิด 8 เตียง ใช้งานอยู่ 1 เตียง ทั้งนี้ในระบบ HI สัดส่วนพยาบาล 1 ราย จะดูแลเด็ก 20-30 ราย