รีเซต

โหวตเลือกนายกฯครั้งที่ 2 ก้าวไกลเปิดโรดแมปดัน "พิธา" นั่งนายกฯ

โหวตเลือกนายกฯครั้งที่ 2 ก้าวไกลเปิดโรดแมปดัน "พิธา" นั่งนายกฯ
TNN ช่อง16
16 กรกฎาคม 2566 ( 14:10 )
95

วันนี้ ( 16 ก.ค. 66 )ความคืบหน้าสถานการณ์การเมืองไทย  พรรคก้าวไกล ยังต้องฝ่าด่าน ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นครั้งที่ 2 วันที่  19 ก.ค. นี้  แม้ก่อนหน้านี้ ได้ยื่น ตัดตดอาจในบทพาะกาล  ม.272  อำนาจวุฒิสภา โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี   แต่ยังไม่สามารถวางใจได้  เพราะจะต้องได้เสียงรัฐสภา ดดยเฉพาะเสียงส.ว. ลงมติด้วย  


ขณะเดียวกันวันนี้ ก้าวไกลได้เปิดโรดแมป 15-19 ก.ค ขับเคลื่อนใน 2 สมรภูมิ ย้ำจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อดัน นายพิธา นั่งนายกรัฐมนตรี   แต่หากพ่ายแพ้ก็พร้อมเปิดทางให้ 'พรรคเพื่อไทย' เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังวานนี้   นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เผยแพร่คลิปวิดีโอทางโซเชียลมีเดีย โดยกล่าวขอบคุณสมาชิกรัฐสภาทั้ง 324 เสียง 


โดยเฉพาะ ส.ว. 13 คน ที่โหวตเห็นชอบให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางแรงกดดันมากมาย  และขออภัยทุกคนที่ยังทำไม่สำเร็จ  พร้อมย้ำภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่ยอมรับว่า  ประเทศไทยเดินต่อไปโดยไม่มีรัฐบาลของประชาชนแบบนี้ได้อีกไม่นาน ภายใต้เวลาอันจำกัดนี้ จึงเหลือโอกาสอีกไม่กี่ครั้งที่ต้องสู้ร่วมกันใน 2 สมรภูมิ เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนได้สำเร็จ


ล่าสุด พรรคก้าวไกล  โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเปิดโรดแมป 15-19 ก.ค.66 ให้ผู้สนับสนุนช่วยกันเร่งรณรงค์ผลักดันใน 2 สมรภูมิ คือ 


1.การโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค.66 

2.การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี

          

โดยสมรภูมิแรกจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติมจาก 8 พรรคเดิม ไม่น้อยกว่า 65 เสียง ส่วนสมรภูมิที่ 2 ต้องการเสียง ส.ว.จำนวน 84 เสียง   แม้ทั้งสองหนทางจะเป็นไปได้ยาก แต่เชื่อว่าหากประชาชนทุกคนร่วมกันปฏิบัติภารกิจ “ชวน ส.ว. ยืนข้างประชาชน” การเปลี่ยนใจ ส.ว. ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้


ทั้งนี้ "การต่อสู้ในทั้ง 2 สมรภูมินี้ พรรคต้องการความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยโหวตให้หรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี  หรือให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล แต่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าการเลือกตั้งต้องมีความหมาย เสียงของประชาชนต้องเป็นเสียงที่กำหนดอนาคตของประเทศ" 


อย่างไรก็ตาม ยอมรับทั้งสองหนทางจะเป็นไปได้ยาก แต่เชื่อว่าหากประชาชนทุกคนร่วมกันปฏิบัติภารกิจ "ชวน ส.ว. ยืนข้างประชาชน" ด้วยการชวนให้ ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร รักษาหลักการประชาธิปไตย ที่ต้องรับฟังเสียงที่ประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกนายกฯในวันที่ 19 ก.ค.66 แม้จะมี ส.ว.จำนวนมากไม่สบายใจที่จะโหวตให้ ก.ก.เพราะฉะนั้นมีอีกทางเลือกที่ยังรักษาหลักการที่ว่า ส.ว.ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง ไม่ควรมีสิทธิ์โหวตนายกรัฐมนตรี คือ การเชิญชวนให้ ส.ว.โหวตยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ปิดสวิตช์ตัวเอง ในการใช้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างถาวร ภายในสิ้นเดือน ก.ค.66 

หากโหวตผ่านจะนำไปสู่การโหวตเลือกนายกฯ รอบ 3 ภายในเดือน ก.ย.66 แต่หากการโหวตนายกฯ รอบ 2 และโหวตยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ไม่ผ่านก็จะเปิดทางให้พรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาล


ทั้งนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ หลังโหวตนายกรัฐมนตรี รอบแรก  พรรคก้าวไกลยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 272 เพื่อเป็นการ “ปิดสวิตช์ส.ว.” ก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2   ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว  ยังมี 3 เงื่อนไข ที่พรรคก้าวไกลจะต้องฝ่าด่านไปให้ได้  


โดยเงื่อนไขแรก ต้องได้เสียงโหวตข้างมากของรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง  หมายความว่า ต้องมีทั้งเสียงส.ส. และ เสียง ส.ว.ยกมือเห็นชอบ ให้ยกเลิกแก้ไขรวมกันตั้งแต่ 375 เสียง จากปัจจุบันมีสมาชิก 749 คน ขณะที่ พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังขาดเสียงอีก 63 เสียง  ดังนั้น ต้องลุ้นว่าเสียงของ ส.ส. ฝ่ายค้าน และ ส.ว. บางส่วน ที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าต้องการปิดสวิตช์ตัวเองด้วยการงดออกเสียงจะเห็นชอบหรือไม่


เงื่อนไขที่ 2.  ส.ว. อย่างน้อย 1 ใน 3 เสียง ต้องให้ความเห็นชอบ หมายความว่า ในจำนวนเสียงที่ให้ความเห็นชอบ 375 เสียง จะต้องมีเสียง ส.ว. ให้ความเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 83 เสียง จาก ส.ว. ปัจจุบัน  249 คน  ดังนั้น แม้ ส.ส.ทั้งสภาฯ จะเห็นชอบ แต่หากเสียง ส.ว. ไม่ได้ตามที่กฎหมายกำหนด ก็ไม่สามารถแก้ไขได้  และอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ คือ  ส.ส. ฝ่ายค้านจะต้องเห็นชอบอย่างน้อยร้อยละ 20 ปัจจุบัน ส.ส.ที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน มี 188 คน หมายความว่า ต้องได้เสียงจาก ส.ส. กลุ่มนี้อย่างน้อย 38 คน โหวตเห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 272


ดังนั้น เงื่อนไขทั้งหมดนี้ จึงเป็นโจทย์ยากสำหรับพรรคก้าวไกล เพราะนอกจากจะต้องรวมเสียงทั้งสามส่วนของรัฐสภาให้เป็นกลุ่มก้อน เอกภาพ 375 เสียง แล้ว การที่จะได้เสียง ส.ว.83 คนมาเปิดสวิตช์ตัวเอง รวมกับฝ่ายค้านอีก 38 เสียง ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย


ภาพจาก :  ผู้สื่อข่าว TNN ONLINE 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง