Seabound เผยเทคโนโลยีเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์บนเรือบรรทุกสินค้าให้กลายเป็นหิน
บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศจากสหราชอาณาจักร เผยโฉมระบบที่สามารถดักจับและเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนเรือขนส่งสินค้า ให้กลายเป็นหินได้ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพื่อให้อุตสาหกรรมการเดินเรือสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050
ระบบดักจับคาร์บอนที่ว่านี้ พัฒนาโดยบริษัทชื่อ ซีบาวด์ (Seabound) ซึ่งกล่าวว่าระบบของพวกเขา ได้รับการออกแบบให้พอดีกับดาดฟ้าของเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ โดยตัวระบบจะเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับได้เป็นหินปูน (limestone) และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ในนั้น
โดยกระบวนการดังกล่าว จะใช้การเปลี่ยนทิศทางก๊าซไอเสียจากหนึ่งในเครื่องยนต์เสริมของเรือ ผ่านห้องที่เต็มไปด้วยก้อนกรวด แคลเซียมออกไซด์ (calcium oxide) หรือที่เรียกว่า ปูนขาว (quicklime) ก๊าซไอเสีย จะทำปฏิกิริยากับคาร์บอนไดออกไซด์ กลายเป็น แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) หรือที่รู้จักกันในชื่อ หินปูน
เมื่อเรือเทียบท่า ก้อนกรวดหินปูนที่ได้เหล่านี้ ก็จะสามารถนำไปแปรรูปเพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือสามารถนำหินปูนไปขายให้กับภาคส่วนอื่น ๆ เช่นอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยบริษัทกล่าวว่าระบบของพวกเขาช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการทั้งหมด โดยแยกขั้นตอนการดักจับคาร์บอนออกจากขั้นตอนการกู้คืนและขั้นตอนการจัดเก็บ ซึ่งมักใช้ต้นทุนสูง
อลิชา เฟรดริกส์สัน (Alisha Fredriksson) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซีบาวด์ (Seabound) กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า บริษัทได้มีการทดสอบนำร่องแล้ว บนเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ซูเนียน เทรดเดอร์ (Sounion Trader) พบว่าระบบสามารถดักจับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณร้อยละ 80 และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์อีกร้อยละ 90
สำหรับอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางทะเล ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกคิดเป็นร้อยละ 3 และแตกต่างจากอุตสาหกรรมยานยนต์ตรงที่ยังไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้โดยง่าย จึงกำลังประสบปัญหาในการบรรลุเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 30 ภายในปี 2030 และลดลงจนถึงศูนย์ภายในปี 2050 ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัท ซีบาวด์ (Seabound) กำลังอยู่ในช่วงทดสอบระบบกับเครื่องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และหวังว่าจะสามารถดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 50 ตันต่อวัน ให้มีประสิทธิภาพมากเกินกว่าร้อยละ 90
ข้อมูลจาก reutersconnect