เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,390-1,405 จุด โดยขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า ส่วนสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯเดือน ม.ค. ออกมามากขึ้น เช่น ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน GDP 4Q23 (คาดการณ์ครั้งที่ 2) และโดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE ในคืนวันพฤหัสฯซึ่งตลาดให้น้ำหนักมากที่สุด ซึ่งต้องติดตามว่าจะสูงกว่าคาดตาม CPI ที่ประกาศไปก่อนหน้าหรือไม่ และจะมีผลต่อคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED ในรอบการประชุมเดือน มิ.ย. โดยล่าสุดความน่าจะเป็นอยู่ที่ 54% ซึ่งสะท้อนว่ายังไม่ชัดเจน
ส่วนในประเทศจับตาโค้งสุดท้ายของการประกาศกำไร 4Q23 ของบจ. ซึ่งเบื้องต้นโดยรวมออกมาต่ำกว่าคาด High Single Digit และเริ่มเห็นการปรับลดประมาณการปี 2024 ลง เราจะมีการทบทวน SET Target อีกครั้งสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2023 ไปแล้วและทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยเฉพาะใน 2H24 หลังงบประมาณประจำปี 2024 คาดว่าจะผ่านสภาฯได้ใน 2Q24 ทำให้เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360+- จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นยังเน้นเลือกลงทุนเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกและแนวโน้มกำไรปีนี้แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid
หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU
FSSIA Portfolio : AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท
• ประกาศกำไรปกติ 4Q23 ที่ 5.6 พันลบ. +32% q-q. +93% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 18-19% จาก Gross Margin ของ CVS ที่ดีกว่าคาด ขณะที่รายได้แข็งแรงตาม SSSG ที่บวกได้ทุกธุรกิจทั้ง CVS Wholesales และ Retail
• แนวโน้ม SSSG 1QTD ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ +3-4% และแผนการขยายสาขา CVS จะเพิ่มอีก 700 สาขาในไทยและยังมีแผนขยายสาขากัมพูชาและลาวต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2024 เติบโตต่อเนื่องและมี Upside จากปัจจุบันที่คาด 2 หมื่นลบ.
• แนวรับ 56.75//56 บาท แนวต้าน 58//59 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET 1,385 – 1,390 แนวต้าน 1,405 – 1,410 คาดทรงตัวรอรายงานกำไร บจ. และตัวเลข US PCE เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPN/ ท่องเที่ยว AOT,MINT,BA / อุปโภค ICHI, TKN, SUN / เก็งกำไร MASTER, ONEE, PIN จากกำไรงวด Q4/66 ขยายตัวดี
STANLY (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 239.00 บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q66/67 (ม.ค.67-มี.ค.67) จะเติบโตขึ้น QoQ จากการรับรู้รายได้คำสั่งซื้อสำหรับรถยนต์โมเดลใหม่ของ Honda เต็มไตรมาส และปัจจัยฤดูกาลที่มีวันทำงานเยอะขึ้น โดยตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66/67 ที่ 1.9 พันล้านบาท เติบโต +9%YoY และปี 67/68 ที่ 2 พันล้านบาท +6%YoY จากรายได้งานโมเดลใหม่เข้ามาจากทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ (Head Lamp – Tail Lamp) และยังได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ EV ที่เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานประกอบในไทยซึ่งได้รับการอุดหนุนจากนโยบายภาครัฐ ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสได้รับ Order เพิ่มขึ้น
CPALL (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 73.50 บาท) กำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 5,497 ลบ.(+75.18%YoY, +24.24%QoQ) สูงกว่าที่เราคาดและสูงกว่า Bloomberg Consensus(4,697 ลบ., +17%) นอกจากรายได้จะโตดีแล้ว รายได้7-11(+9.7%YoY, +4.4%QoQ)/รายได้ Makro+ Lotus(+4.3%YoY, +7.4%QoQ) ฝั่งค่าใช้จ่ายสามารถคุมได้ดี GPM ดีขึ้นจากการปรับ Product Mix/ SG&A to Rev. ลดลงจากค่าใช้จ่ายพนง./สาธาณูปโภค/Finance Cost ลดลง YoY 737 ลบ. ส่วนกำไรช่วง 1Q67 คาดยังโตเด่น YoY ยังเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวโตได้ดี(เป็นบวกทั้งต่อกลุ่ม HoReCa(CPAXT) และ traffic 7-11) และกำลังซื้อในประเทศหนุนด้วย easy e-receipt ปัจจุบัน คาดกำไรสุทธิปี67 ที่ 20,817 ลบ.(+12.63%YoY)
**บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ ผันผวนสูง เข้าสู่โค้งสุดของการรายงานกำไรตลาดหุ้นไทย ประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1385-1420 จุด โดยตลาดไทยจะรายงานกำไรจบ(29 ก.พ.) ขณะที่ต่างประเทศ จีนยังออกแรงหนุนตลาดต่อเนื่อง ตลาดสหรัฐฯเมินเรื่องลดดอกเบี้ย แต่ให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจมากกว่า ส่วนปัจจัยที่เฝ้าระวังคือสถานการณ์ตะวันออกกลาง และแรงขายหุ้น(ไทย) หลังจบฤดูกาลส่งงบ
• ตัวแปรต่างประเทศ ที่เราให้น้ำหนักมากที่สุด คือ ความเป็นไปของตลาดหุ้นจีน เราเริ่มเห็นการทยอยออกมาตรการเศรษฐกิจ และการกระตุ้นตลาดหุ้น ที่จริงจังของจีน นับตั้งแต่มีการระบาดของ Covid-19 ในปี 2020 เป็นต้นมา ถ้าตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว ถ้าทำให้ตลาดหุ้นจีนดีขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยดีตามไปด้วย
• สัปดาห์นี้ จะมีการ rebalance ของดัชนีสองตัว คือ MSCI (29) และ FTSE(1) รอบนี้ หุ้นส่วนใหญ่ถูกลดน้ำหนักเนื่องจากราคาปรับตัวลงมามาก และในวันก่อนและวันที่มีการ rebalance อาจทำให้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ (ที่อยู่ในดัชนีฯ) ผันผวนมากกว่าปกติ
• 29 ก.พ. จะเป็นวันสุดท้ายของการส่งงบการเงินของตลาดหุ้นไทย.... งบล่าสุด ที่ DAOL รวบรวม 404 บริษัท กำไร SET ลดลง 39% QoQ และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดราว 25% (Bloomberg Survey) …. สำหรับกำไร SET ไตรมาสนี้ DAOL ประเมินล่าสุด 1.89 แสนลบ. +19% YoY; -31% QoQ (update ตัวเลขนี้รายวัน)
• Event และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ สัปดาห์นี้ GDP q4(s) ของสหรัฐฯ (26) คาดไว้ที่ 3.2% (ตัวเลขเดิม 3.3%) รายงานภาวะเศรษฐกิจรายเดือน ธปท.(29) ตัวเลข PCE ของสหรัฐฯ(29) และตัวเลข PMI ของจีน (1)
Strategy
• ตลาดผ่านช่วงวันหยุดยาวมาแล้ว น่าจะมีแรงส่งต่อ(แรงซื้อ) อีกเล็กน้อย แต่เรามองเป็นจังหวะในการขายทำกำไรช่วงสั้น และเปลี่ยนตัวที่ขึ้นมามากออกบ้าง โดยการเล่น ยังเน้นไปที่ theme รายวัน เนื่องจากเรายังไม่มั่นใจว่าตลาดจะกลับไปเป็นขาขึ้นจริงหรือไม่
• กลุ่มที่เรายังมองว่ามีโอกาสไปต่อในสัปดาห์นี้ หรือซื้อในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมา จะเป็นกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว (AOT)
• หุ้นที่เป็น high Dividend ในเวลานี้ นักลงทุนอาจใช้กลยุทธ์ขายหุ้น “XD” ไปแล้ว กลับมาซื้อหุ้นที่ยังไม่ “XD” ก็ได้ เราชอบ SCB , TISCO
• การก็บหุ้นเพื่อถือ 1-3 เดือน หุ้นที่น่าสนใจยังคงเป็น BEM, JMT, KTB
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ BDMS, TRUE*, NEX ออกจากพอร์ต และคงหุ้นที่เหลือไว้ทั้งหมด หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย CRC(10%), KTB(10%) , BEM(10%)
Technical : PIN, SAFE
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
