ทั่วโลกจับตา "โต เลิม" เยือนเกาหลีเหนือ เวียดนามต้องการอะไรจากผู้นำคิม

ที่ชุมชนทันดินห์ ในนครโฮจิมินห์ เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์เล็กๆ เพื่อรำลึกถึง นักบินชาวเกาหลีเหนือ 14 คนที่เสียชีวิตจากการร่วมต่อสู้กับฝั่งเวียดนามเหนือในสงครามเวียดนาม ในช่วงปี 1965 ถึง 1969 นอกจากความช่วยเหลือเรื่องการขนส่งอาหาร ยา และ กระสุนปืน เกาหลีเหนือยังเข้ามามีบทบาทมากมายต่อกองทัพเวียดนามเหนือ ซึ่งเป็นการเข้าร่วมต่อสู้โดยตรง แม้ห่างไกลจากคาบสมุทรเกาหลี และทำให้ทั้ง 2 ประเทศเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกันในตอนนั้น
เวลาผ่านไป 60 ปี สองประเทศยังคงมีการติดต่อถึงกันบ้างเล็กน้อย แต่ความสัมพันธ์ทางการค้ากลับมีอยู่อย่างจำกัดมาก ในปี 2022 เวียดนามหันไปพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ ศัตรูคู่แค้นอันดับต้นของเกาหลีเหนือ จนเกาหลีใต้กลายเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ลำดับที่ 4 ของเวียดนาม ยังไม่รวมความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีที่แน่นแฟ้นถึงจุดสูงสุด
และนี่คือเหตุผลที่ทำไมการเยือนเกาหลีเหนือของ “ โต เลิม” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในวันที่ 9-10 ตุลาคมนี้ จึงเรียกความสนใจจากสื่อทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปีที่เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนเกาหลีเหนือนับตั้งแต่ นอง เต๋อ มันห์ อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนเมื่อปี 2007
เป็นที่คาดการณ์ว่าโต เลิม จะเข้าร่วม พิธีสวนสนามทางทหารครบรอบ 80 ปี การก่อตั้งพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ร่วมกับแขกคนสำคัญอย่างนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน และประธานประเทศลาว ทองลุน สีสุลิด โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดนามกล่าวว่า นี่คือการเดินทางเยือนตอบ หลังจากที่ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือเยือนเวียดนามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนนี้ให้สัมภาษณ์กับ The Strait Times ว่าทริปเดินทางเยือนเกาหลีเหนือนี้ มีขึ้นเพื่อแสดงถึงจุดยืนทางการเมืองที่จริงใจของเวียดนามต่อเกาหลีเหนือ และในขณะเดียวกันก็เพื่อให้ทั่วโลกเห็นว่าเวียดนามยังคงมีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือและเวียดนาม สถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกันตั้งแต่ปี 1950 อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเวียดนามได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิด พร้อมทั้งเริ่มเบนเข็มสู่เส้นทางใหม่ในการดำเนินนโยบายความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ที่แผ่ขยายออกไปเกินกว่าความเป็นหุ้นส่วนร่วมกันแบบดั้งเดิม
ผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนามจาก University of New South Wales Canberra กล่าวกับ the Strait Times ว่า จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้เวียดนามต้องเล่นบทบาทเชิงสร้างสรรค์และอาจทำให้ได้รับคำชมจากทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในขณะที่เกาหลีเหนือประเทศที่ดูลี้ลับที่สุดต้องตกอยู่ภายใต้ประกาศคว่ำบาตรจากนานาชาติ เนื่องจาก โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งในช่วงรอบปีที่ผ่านมาเกาหลีเหนือยังเผชิญการประณามอย่างหนัก จากนานาชาติกรณีส่งทหารช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครน
ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์จาก Boston College กล่าวว่า การค้าและการท่องเที่ยว คือ 2 เสาหลักในความสัมพันธ์ช่วงหลังสงครามเย็นระหว่างเกาหลีเหนือและเวียดนาม โดยที่เวียดนาม ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ปฏิรูปกลับเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกัน ทางฝั่งเกาหลีเหนือที่ต้องการเพิ่มความสามารถด้านการท่องเที่ยวและดึงดูดสกุลเงินต่างชาติเข้าประเทศ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าเวียดนามไม่ใช่ภัยคุกคามทางการเมืองต่อเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า ในการเยือนเกาหลีเหนือครั้งนี้ของ โต เลิม จะมีการหารือเกี่ยวกับการค้าขายอาวุธร่วมกันหรือไม่ ยิ่งกว่านั้นยังไม่ชัดเจนว่าการที่เกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองคลังแสงสมัยโซเวียตจำนวนมาก จะทำให้เวียดนามสามารถพัฒนาและเพิ่มคลังแสงของตนด้วยอาวุธสมัยใหม่ที่ผลิตจากรัสเซียด้วยหรือไม่เช่นกัน แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเวียดนามไม่ต้องการฝ่าฝืนการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อเกาหลีเหนือ ด้วยการหลีกเลี่ยงหารือเกี่ยวกับการค้าอาวุธ แต่คาดว่าอาจมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของเกาหลีเหนือในการร่วมกันสร้างสันติภาพบริเวณคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โต เลิม เดินทางเยือนเกาหลีใต้หลังจากที่ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าโต เลิม จะแสวงหาหนทางทางการทูตและการเมืองของเวียดนามเพื่อช่วยในกระบวนการฟื้นความสัมพันธ์ของทั้ง 2 เกาหลีด้วย The Strait Times คาดว่าความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามที่เป็นการตัดสินใจผิดพลาดของเวียดนามที่อาจเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี อาจสร้างความยุ่งยากให้กับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับรัสเซีย รวมถึงจีน ซึ่งมีความใกล้ชิดอย่างมากกับเกาหลีเหนือเช่นเดียวกัน และยังอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของเวียดนามและเกาหลีใต้ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม อีกทั้งเกาหลีใต้ยังเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐฯ ด้วย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดนามยังกล่าวถึงทริปนี้ด้วยว่า การเดินทางเยือนเกาหลีเหนือของ โต เลิม จึงเป็นเหมือนหลักฐานว่าเวียดนามไม่ได้ต้องการจะเลือกข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่แสวงหาการทำงานร่วมกันเพื่อสันติภาพ ซึ่งหากย้อนไปเมื่อปี 2019 เวียดนามยังเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมร่วมสหรัฐฯ - เกาหลีเหนือ และทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ คิม จอง-อึน ได้พบกันในครั้งนั้นด้วย
นักวิเคราะห์จาก University of New South Wales Canberra ยังกล่าวด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เต็มใจจะพบผู้นำคิมอีกครั้ง และคิมที่เคยออกมาระลึกถึงความทรงจำอันดีที่เขาได้พบกับทรัมป์ นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีของโต เลิม ที่จะเสนอตัวเข้ามามีบทบาทในการทำให้ผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือได้พบกันอีกครั้ง หรือแม้แต่การเสนอให้เวียดนามเป็นเจ้าภาพในการประชุมสหรัฐฯ - เกาหลีเหนือ อีกรอบก็เป็นได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
