เอกชนผวาน้ำมันส่อทะลุลิตรละ 50 บ. จี้รบ.รณรงค์ประหยัดพลังงานด่วน!
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวกับ “มติชนออนไลน์” ว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ตรึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ อย่างประเทศยุโรประบุจะไม่ซื้อน้ำมันรัสเซีย ล่าสุดสหรัฐอเมริกายังออกมาระบุเช่นกันว่าจะไม่ซื้อน้ำมันรัสเซีย เพราะโดยส.ส.ฝ่ายค้านโวยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ยังซื้อน้ำมันจากรัสเซียวันละ 6-7 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่รัสเซียออกมาสวนกลับว่า ถ้าทางยุโรปบอยคอตไม่ซื้อน้ำมันของรัสเซีย จะเห็นราคาน้ำมัน 300 เหรียญ สถานการณ์เหล่านี้เบื้องต้นอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับพุ่งไปถึง 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากราคาพุ่งไประดับดังกล่าวแน่นอนว่า จะได้เห็นราคาน้ำมันในไทย 2 ลิตร 100 บาท คือ ราคามากกว่าลิตรละ 50 บาทแน่นอน เพราะราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นทุก 1 เหรียญฯจะทำให้ราคาขายปลีกในไทยขยับขึ้น 25 สตางค์ โดยเฉพาะกลุ่มเบนซิน เพราะดีเซลรัฐบาลน่าจะยังอุดหนุนอยู่
“เชื่อว่ารัฐบาลจะดูแลราคาดีเซล โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันชดเชย ใช้วิธีการกู้เงินมาโปะกองทุนน้ำมันที่ติดลบอยู่เกือบ 20,000 ล้านบาทในขณะนี้ และอาจต้องลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเพิ่ม จากกรอบ 5.99 บาท ตอนนี้ลดไปแล้ว 3 บาท เป็นไปได้ต้องลดที่เหลือลงอีก เพื่อไม่ให้ราคาเกินลิตรละ 30 บาทตามที่รัฐรับปากสมาคมขนส่งไว้”นายเกรียงไกรกล่าว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาสงคราม และราคาน้ำมันเป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ และแนวโน้มราคาน้ำมันยังพุ่งไม่หยุดจากสถานการณ์ตรึงเครียดที่ส่อแววยืดเยื้อ ไทยเป็นประเทศ Import net น้ำมันต้องนำเข้าเกือบ 90% ของปริมาณการใช้ แต่สิ่งที่ประเทศไทยสามารถทำได้ทันที รัฐบาลรณรงค์การประหยัดการใช้น้ำมันอย่างจริงจังครับ เอกชนอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโดยด่วน
ส่วนระยะกลางและยาว ควรปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศใหม่ ให้เกิดความสมดุล โดยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันที่เกิดผลกระทบรุนแรงในปัจจุบัน