รีเซต

“ปิดผับตี 4”- “ฟรีวีซ่า” ความหวังฟื้นท่องเที่ยวภูเก็ต?

“ปิดผับตี 4”- “ฟรีวีซ่า”  ความหวังฟื้นท่องเที่ยวภูเก็ต?
TNN ช่อง16
30 สิงหาคม 2566 ( 08:17 )
118


เดินหน้าทำงานทันที หลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา  โดย“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะ ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว เพราะพรรคเพื่อไทยมองว่า การท่องเที่ยวเป็นหนทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในระยะสั้น 


การลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกฯและคณะทำงาน ก็ได้รับข้อเสนอมามากมาย และมาตรการที่น่าสนใจ และเชื่อว่า หลายฝ่ายตั้งตารอดูว่า จะเป็นไปในมากน้อยเพียงใด นั่นก็คือ ขอให้มีการ “โซนนิ่งสถานบันเทิง ปิดตี 4” และ “ฟรีวีซ่า” สำหรับนักท่องเที่ยวบางประเทศ




ในมุมของ “ธเนศ ตันติพิริยะกิจ” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต” ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคเอกชน ที่ได้เข้าพบกับนายกฯ ได้เผยกับ “TNN NEWS ข่าวเที่ยง” ว่า ที่ผ่านมา ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดอันดับต้นๆของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ 


ที่ผ่านมา “ธเนศ” มองว่า ภาคเอกชนยังเห็นว่า ยังมีหลายปัจจัย ที่ยังคงเป็นปัญหา และอุปสรรค เพราะภูเก็ต ยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวได้อีกมาก และข้อเสนอให้สถานบันเทิง  ปิดตี 4 และให้ ฟรีวีซ่า แก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ ก็เชื่อว่า จะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับประเทศ เพิ่มมากขึ้น เช่นกัน




หากจะมองลึกลงไปใน 2 มาตรการ เชื่อว่า มาตรการ “ฟรีวีซ่า” แก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ จะมีความเป็นไปได้ในระยะเวลาในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่า ประเทศที่ไทยจะให้ฟรีวีซ่า เป็นกลุ่มประเทศที่เป็นลูกค้าสำคัญ เช่น จีน อินเดีย คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน รัสเซีย รวมทั้งให้มีการขยายระยะเวลาวีซ่าออกไป เช่น คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ที่เคยได้ 15 วัน ก็จะให้ขยาย ออกไปเป็น 30 วัน 


ในขณะที่อีกมาตรการ ที่เสนอให้ “สถานบันเทิง ปิดตี 4” มาตรการนี้ต้องรอดู เพราะนี่ไม่ใช่การเสนอครั้งแรก เพราะในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ผู้ประกอบการในจังหวัดท่องเที่ยว รวมทั้งภูเก็ต ก็เคยเสนอให้ภาครัฐ จัดโซนนิ่งสถานบันเทิง เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง  และฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ



แต่ที่ผ่านมา มาตรการนี้ มักจะถูกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ออกคัดค้านเสมอมา เพราะ เชื่อว่า มาตรการดังกล่าว จะเพิ่มโอกาส “เมาแล้วขับ” และเกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บและเสียชีวิต และที่สำคัญ อาจจะมีปัญหาด้านอาชญากรรม และการทะเลาะวิวาทเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไม่คุ้มกับภาพลักษณ์ของประเทศที่จะเสียหายไป




เมื่อ “การท่องเที่ยว” ถือเป็นหมุดหมายอันดับต้นๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ ที่หวังจะสร้างเม็ดเงิน เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่การจะก้าวเดินไปข้างหน้า ก็ต้องรับฟังเสียงจากหลายภาคส่วน และที่สำคัญ ต้องมาชั่งน้ำหนักก่อนจะตัดสินใจว่า จะเดินไปในทิศทางใด เพื่อให้การท่องเที่ยวไทย พัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเป็นไปอย่างยั่งยืน. 


มนตรี ขัดเรือง : เรียบเรียง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง