รีเซต

BTS แม้ผลงานต่ำคาด แนวโน้มดีขึ้นปี 67

BTS แม้ผลงานต่ำคาด แนวโน้มดีขึ้นปี 67
ทันหุ้น
15 พฤศจิกายน 2566 ( 16:50 )
38
BTS แม้ผลงานต่ำคาด แนวโน้มดีขึ้นปี 67

#BTS #ทันหุ้น – BTS รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 (เดือน ก.ค.-ก.ย. 2566) ที่ 257 ล้านบาท ลดลง 46% YoY แต่พลิกกลับเป็นกำไร QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่โบรกเกอร์คาด บล.บัวหลวงแนะนำ “ซื้อ” ปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 10.90 บาท มาอยู่ที่ 8.50 บาท และบล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 8.95 บาท

 

บล.บัวหลวงระบุว่าผลงานรายไตรมาสของ BTS ออกมาต่ำกว่าบล.บัวหลวงคาด 39% (รายได้น้อยกว่าที่คาด) และต่ำกว่าตลาดคาด 74% หากไม่รวมรายการพิเศษการขาดทุนหลักอยู่ที่ 120 ล้านบาท พลิกกลับเป็นขาดทุน YoY และ QoQ ซึ่งแย่กว่าที่บล.บัวหลวง และตลาดคาด

 

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

จำนวนผู้โดยสารของ BTSGIF ในเดือน ก.ค.-ก.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 49.7 ล้านเที่ยว เพิ่มขึ้น 23% YOY (จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น การกลับมาทำงานที่สำนักงานอีกครั้ง และการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง) และ 11%QoQ (รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและปัจจัยทางฤดูกาล) ค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 34.10 บาท /เที่ยว เพิ่มขึ้น 5% YOY (ทรงตัว QoQ) รายได้ลดลง 13% YoY และ 23% QoQ เนื่องจากรายได้จากการพัฒนาโครงการรถไฟที่ลดลง BTS รายงานกำไร 537 ล้านบาทจากการขายหุ้นบริษัn Rabbit LINE Pay

 

แนวโน้ม

บล.บัวหลวงคาดกำไรหลักไตรมาส 3/66 (เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2566) จะลดลง YOY (ผลขาดทุนของสายสีเหลือง) แต่ฟื้นตัว QoQ (ผลขาดทุน QoQ ที่ลดลงของสายสีเหลือง)

 

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

บล.บัวหลวงหั่นประมาณการกำไรหลักปี 2566 ลงอีก 48% มาเหลือ 411 ล้านบาท (ลดลง 81% YOY) ดังนั้น บล.บัวหลวงจึงปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 10.90 บาท มาอยู่ที่ 8.50 บาท

 

คำแนะนำ

ระบบขนส่งมวลชนในกทม. และปริมณฑลจะขยายตัวต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า ดังนั้น แม้ว่าแนวโน้มกำไรระยะสั้นจะดูไม่น่าตื่นเต้น (จากการเริ่มให้บริการสายสีเหลืองและสีชมพู) บล.บัวหลวงยังคงมองว่า BTS เป็นการลงทุนในระยะยาวที่ดี แนะนำ “ซื้อ”

บล.กสิกรไทย คาดว่าจะเห็นแนวโน้มเชิงลบ หลัง BTS แจ้งผลงานต่ำกว่าประมาณการของบล.กสิกรไทย 98.5% คิดเป็น 8% ของประมาณการกำไรปกติปี FY2567 ของเรา

 

คาดจะเห็นแนวโน้มเชิงลบในแง่ของความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงานแบบ MIX and MOVE และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่อ่อนแอ

 

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ TP เดิม ที่ 8.95 บาท คาดว่าหุ้นจะแข็งค่าขึ้น หากความไม่มั่นคงทางการเมืองเริ่มดีขึ้น และข้อพิพาทกับกรุงเทพมหานครคลี่คลายลง

 

Investment Highlights

รีวิวไตรมาส 2QFY67 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2566 BTS รายงานงบการเงินไตรมาส 2QFY67 (เดือน ก.ค.-ก.ย.2566) ด้วยกำไรสุทธิที่ 257 ลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 9 ลบ. ลดลง 97.4% YOY และ 95.1% QoQ ตามรายได้จากการก่อสร้างที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ และค่าภาษี ที่สูงขึ้น กำไรปกติไตรมาส 2QFY67 ต่ำกว่าประมาณการกำไรปกติของเราที่ 564 ลบ. อยู่ 98.5% จากส่วนแบ่งผลขาดทุนของบริษัทในเครือ ค่าใช้จ่าย SG&A และค่าภาษีที่สูงขึ้น รายการพิเศษประกอบด้วย

 

1) กำไรจากการขาย Rabbit Line Pay จำนวน 234 ลบ. 2) กำไรจำนวน 8 ลบ.จากเครื่องมือทางการเงิน กำไรปกติช่วง 6 เดือนแรกของ FY2567 คิดเป็นเพียง 8% ของประมาณการกำไรหลักปี FY2567 ของเรา ซึ่งแสดงให้เห็นถึง downside risk ที่สำคัญต่อประมาณการของเรา เราจะทบทวนประมาณการของเราอีกครั้งหลังเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 17 พ.ย.

 

การดำเนินงาน BTS รายงานรายได้ไตรมาส 2QFY67 ที่ 4.0 พันลบ. ลดลง 13.1% YoY และ 22% QoQ หลังรายได้จากธุรกิจก่อสร้างลดลง แต่รายได้ที่รายงานสอดคล้องกับสมมติฐานของเรา อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวเป็น 33.1 เทียบกับ 32.5% ในไตรมาส 2QFY66 , 27.9% ในไตรมาส 1QFY67 และประมาณการของเราที่ 32.5% จากสัดส่วนรายได้จากการก่อสร้างที่มีอัตรากำไรต่ำลดลง ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ พุ่งขึ้นเป็น 27.6% เทียบกับ 19.1%% ในไตรมาส 2QFY66 , 19.3% ในไตรมาส 1QFY67 และสมมติฐานของเราที่ 25% จากการขยายธุรกิจของ SUPER TURTLE, RCash และ RCare ภายใต้การดำเนินงานของ VGI ขณะที่ส่วนแบ่งผลขาดทุนอยู่ที่ 50 ลบ. เทียบกับผลขาดทุนที่ 116 ลบ.ในไตรมาส 2QFY66 จากผลขาดทุนที่ลดลงของธุรกิจบริษัทในเครือและดีกว่าผลขาดทุนจำนวน 964 ลบ.ในไตรมาส 1(FY67 ที่มีผลขาดทุนมหาศาลจากการรวมบัญชีกับ RABBIT แต่แย่กว่าเมื่อเทียบกับส่วนแบ่งกำไรที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 150 ลบ.

 

Downside risk จากรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสีชมพู จำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 28,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของเราที่ 96,5000 เที่ยว และประมาณการของ EBM ที่ 200,000 เที่ยวต่อวัน ดังนั้นเราจึงทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหวเพื่อประเมินผลกระทบจากจำนวนผู้โดยสารที่ต่ำต่อราคาเป้าหมายของเราสำหรับ BTS จากการคำนวณของเรา ความแตกต่างทุกๆ 10% ของจำนวนผู้โดยสารที่สูงกว่า (ต่ำกว่า) ประมาณการของเรา จะส่งผลกระทบต่อราคาเป้าหมาย BTS ที่ + 3.4% (-3.4%) สำหรับสายสีเหลืองและ +4.7% (-4.7%) สำหรับสายสีชมพู

 

แนวโน้ม บล.กสิกรไทยมองว่า BTS จะมีแนโน้มเชิงลบในแง่ของความสามารถในการทำกำไรและการพลิกกลับมาทำกำไรค่อนข้างล่าช้า เราคาดว่าธุรกิจส่วนใหญ่ของ BTS ยกเว้นรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวจะประสบปัญหาในการทำกำไร และเรายังไม่เห็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ BTS ขยายการดำเนินงานไปยังกลุ่มธุรกิจต่างๆ

 

Valuation and Recommendation

บล.กสิกรไทยคงประมาณการปี FY2567-69 คำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายที่ 8.95 บาท เพื่อรอการข้อมูลอัปเดตจากการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 17 พ.ย. ปัจจัยหนุนราคาหุ้นคาดจะมาจาก การที่ BTS สามารถยุติข้อพิพาทกับกรุงเทพมหานครและได้รับการชำระหนี้ในที่สุด สำหรับงาน O&M ในส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ของรถไฟฟ้า BTS สายหลัก ในประมาณการของเรา เราคาดว่า BTS จะยุติข้อพิพาทกับกรุงเทพมหานครได้ภายในปี FY2568 และ BTS จะได้รับการต่อสัญญา O8M สำหรับรถไฟฟ้า BTS สายหลัก เมื่อสัมปทานที่มีอยู่สิ้นสุดลงในเดือน ธ.ค.2572

 

Downside risks ได้แก่ 1) การแพ้ในคดีความกับ กทม. เกี่ยวกับสัญญา O&M สำหรับส่วนต่อขยายสายสีเชียว (คิดเป็นมูลค่า 35% ต่อ EBIT และ 39% ต่อ ราคาเป้าหมาย) 2) ผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่เพิ่มขึ้นช้า และ 3) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง