NVIDIA กำไรพุ่ง 580% อานิสงค์ AI พาแซง Alphabet และ Amazon ขึ้นเบอร์ 4 โลก
บริษัท อินวิเดีย (NVIDIA) ขึ้นแท่นเป็นบริษัทอันดับ 4 ของโลก ที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) สูงที่สุด เพิ่มขึ้นเป็น 1.96 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 70 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 4 เท่า ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศไทย (GDP) ในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 17.9 ล้านล้านบาท ทำให้แซงบริษัท Alphabet (Google) และ Amazon โดยได้อานิสงค์การพัฒนาอย่างต่อเนื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
เหตุผลที่ทำให้บริษัท อินวิเดีย (NVIDIA) ขึ้นเบอร์ 4 โลก
ประการที่หนึ่ง การรายงานผลประกอบการของบริษัท อินวิเดีย (NVIDIA) ในเดือนมกราคม 2567 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 29,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 581% จากปีก่อน และมีรายได้ 60,922 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 126% จากปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่ของ NVIDIA มาจากธุรกิจ 4 ประเภท ได้แก่ Data Center มูลค่า 47,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 1.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217% จากปีก่อน , Gaming มูลค่า 10,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 375,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน , Professional Visualization มูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 50,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน และสุดท้ายธุรกิจ Automotive มูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 39,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกและส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ประการที่สอง การเปิดตัวเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รูปแบบต่าง ๆ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เช่น ความสามารถของ Generative AI ในการสร้างกราฟิกเสมือนจริง ส่งผลให้ความต้องการชิปคอมพิวเตอร์พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลก เช่น Amazon, Meta, Microsoft, Alphabet หรือแม้กระทั่งบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla ก็พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จาก NVIDIA เช่นกัน
ประการที่สาม เป็นเหตุผลทางอ้อมที่ได้จากการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ทำให้บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันพัฒนาชิปเซมิคอนเตอร์ขึ้นมาด้วย ยกตัวอย่างเช่น บริษัท SK Hynix ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ในเกาหลีใต้ หรือบริษัท Tokyo Electron ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้เกิดการแข่งขันในตลาด ส่งผลให้มูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมโตตามขึ้นไปด้วย
ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ NVIDIA ขึ้นแท่นอันดับ 4 ของบริษัทที่มูลค่าตลาดสูงที่สุดโลก และการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่มีท่าทีจะหยุดพัฒนาในเร็ว ๆ นี้ น่าจับตามองว่าผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกรายนี้ จะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเบอร์ 1 ของโลกได้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัท Apple รั้งตำแหน่งผู้นำไว้ที่มูลค่า 3.058 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 109 ล้านล้านบาท
ที่มาของข้อมูล Investing, blogs.nvidia.com, Companiesmarketcap.com