รีเซต

ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน ชี้ม็อบราษฎรมีเบื้องหลัง จนท.รามฯขอโทษทำร้ายนศ. ยันถูกยั่วยุ

ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน ชี้ม็อบราษฎรมีเบื้องหลัง จนท.รามฯขอโทษทำร้ายนศ. ยันถูกยั่วยุ
มติชน
4 พฤศจิกายน 2563 ( 14:14 )
149
ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน ชี้ม็อบราษฎรมีเบื้องหลัง จนท.รามฯขอโทษทำร้ายนศ. ยันถูกยั่วยุ

ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน ชี้ม็อบราษฎรมีเบื้องหลัง จนท.รามฯ ขอโทษทำร้ายนศ. เผยถูกยั่วยุ เล็งจัดเวที 9 พ.ย. เผยแพร่ความรู้ ห่วงเด็กโดนล้างสมอง

 

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน เวลาประมาณ14.00 น. ที่ลานพ่อขุนรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ กลุ่มภาคีเครือข่ายเพื่อปกป้องสถาบัน กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน และกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ได้มีการนัดรวมตัวกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังจากเหตุการณ์เหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันฯ กับฝ่ายม็อบราษฏร ที่รวมตัวจัดชุมนุมในที่ ม.รามคำแหง เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม

 

โดยนายสมเดช คงวิจิตร หรือ เดช เจ้าหน้าที่ ม.รามคำแหง เปิดเผยว่า ขอโทษถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในขณะที่ตนสวมใส่เสื้อเหลือง แต่ก็เป็นความผิดพลาดในการยั่วยุจากกระทำของอีกฝ่าย ในวันนี้จึงขอออกมาพูดถึงความจริงจากการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตามสื่อโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก จนถึงมีการยื่นหนังสือขับไล่ตนออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย โดยการชุมนุมในวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันฯ ภาคีเครือข่ายอาชีวะช่วยชาติและพี่น้องนักกิจกรรมของม.ราชภัฐเข้าร่วม ซึ่งเราใช้แนวทางสันติวิธี ผ่านการประสานงาน ไปยังกลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยเพื่อร้องขอ เพราะพวกเราประกาศจัดงานมาก่อนหน้าหลายสัปดาห์แล้ว แต่เพิ่งมาทราบภายหลังว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอีกฝ่ายเข้ามาจัดชุมนุมเช่นกัน

 

นายทินกร ปลอดภัย แกนนำกลุ่มคนสวมเสื้อเหลือง กล่าวว่าภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝั่งตนตั้งใจปล่อยให้สถานการณ์ผ่านไป เพราะอยากรู้ว่ากลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบอีกฝ่ายจะทำอย่างไรกับพวกเรา ซึ่งแรงกดดันจากสื่อโซเชียลเดียไม่ได้สร้างความหนักใจต่อตนแต่อย่างใด เพียงแต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องพูดบ้างแล้ว ตนเป็นศิษย์เก่า ม.รามฯ เรียนตั้งแต่ ป.ตรี-ป.โท และอาศัยอยู่พื้นที่รามคำแหงมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ความเป็นรามคำแหง คือความให้เกียรติซึ่งกันและกัน หลายปีที่ผ่านมามีนักกิจกรรมในมหาวิทยาลัยหลายรุ่นออกมาเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งในมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 ต.ค. ตนได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าจะมีการนำคนข้างนอกมาชุมนุมทางการเมืองภายในมหาวิทยาลัย จริงๆ ตนไม่ขัดข้องเพราะเป็นสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง แต่รับไม่ได้ที่มีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย มีการใช้วาทกรรมที่อันตราย เกรงว่าประเทศไทยจะเหมือนกับ ฮ่องกง ลิเบีย และในเมื่อทางฝั่งนั้นยืนยันที่จะจัด ทางฝั่งผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองก็จัดได้เหมือนกัน ส่วนภาพที่ออกมาดูเหมือนว่าตนก้าวร้าว จริงๆ เป็นบุคคลิกของตัวเอง เนื่องจากเป็นคนพูดจาเสียงดัง และมีสีหน้าแสดงอารมณ์

 

“ผมยืนยันใครลบหลู่สถาบันให้ออกจาก ม.ราม ไป คนเราความแตกต่างทางความคิดมันแตกต่างได้ ขนาดคนในครอบครัวยังแตกแยกกันเลย ผู้ใหญ่บางคนอยู่เบื้องหลัง มีคนต้องการให้เกิดความแตกแยกในสังคม เด็กๆ โดนล้างสมอง โดนใส่สิ่งที่ผิดมาในสมอง สถาบันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ บ้านเราที่อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติมาเพราะสถาบัน ไม่ต้องมองย้อนไปไกลถึงสมัยสุโขทัย อยุธยา เอาแค่กรุงรัตนโกสินทร์นี่แหละ เราอยู่ได้เพราะอะไร แล้วมาใช้วาทกรรมในการปฏิรูปไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง ไม่จริงหรอกคำนี้ อย่างข้อเรียกร้อง 10 ข้อ เป็นวาทกรรมที่ใช้หลอกเด็ก หลอกนักศึกษา เอาน้องๆมาใช้เป็นเครื่องมือ ขอท้าให้คนที่อยู่เบื้องหลังนักศึกษา และคณะราษฎร ให้ออกมาหน้ามาเองแล้วมาเดินนำขบวน ซึ่งผมก็จะถือธงนำเช่นกัน” นายทินกรกล่าว

 

ด้านนายทศพล มนูญญรัตน์ แกนนำกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้น ทำไปทุกอย่างเพื่อปกป้องสถาบัน เนื่องจากเห็นว่ามีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมตามสื่อโซเชียล พร้อมกล่าวไปถึงคณะก้าวไกลให้หยุดสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา

 

“อาชีวะไม่เหมือนใคร เราสามารถทำร้ายใครโดยไม่ได้คิด เป็นสิ่งที่ไม่ได้คิด ทำร้ายคือไม่ชอบ ทำร้ายคนที่ทำประเทศแตกแยก ส่วนผู้ใหญ่ ก้าวไกล ผมบอกเลยจะฟ้องผมได้เลย ผมขอให้หยุดอยู่เบื้องหลังในการจัดตั้งคณะราษฎร ที่มี สส. และทีมงานให้ความช่วยเหลือ”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้สวมใส่เสื้อสีเหลืองประกาศด้วยว่าจะมีการจัดเวทีปกป้องสถาบัน ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก ในวันที่ 9 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาแก่นักศึกษา และเชิญชวนผู้ร่วมงานร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน คาดว่าจากการจัดงานดังกล่าวจะทำให้เยาวชนตื่นตัวได้ถึง 90 %

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง