สรุป ‘โจ ไบเดน รับตำแหน่งครบ 100 วัน’ อเมริกาเปลี่ยนไปขนาดไหน
ข่าววันนี้ การประเมินการทำงาน 100 วันแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นประเพณีการเมืองของอเมริกันที่เริ่มตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีแฟรงกลิน โรสเวลต์ เทอมแรก ในปี 1933
และนี่คือผลงานทางการเมืองที่เข้าตากรรมการของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ของสหรัฐฯ และคำมั่นสัญญาบางอย่างที่ยังไม่บรรลุเป้า
ฉีดวัคซีนเกือบ 250 ล้านโดสใน 100 วัน
ไบเดนให้คำมั่นว่าจะฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ประชาชนในการทำงาน 100 วันแรก หลังรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม
ตามข้อมูลของ Our World in Data ระบุว่า ตอนนี้ มีชาวอเมริกันรับวัคซีนแล้ว 231 ล้านคนหรือเกือบ 40% ของประชากรแล้ว และฉีดครบ 2 โดสแล้ว 95.9 ล้านคน หรือ 29.2% ของประชากร
อันที่จริง สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มแผนการฉีดวัคซีนไว้แล้ว แต่ไบเดนเสริมทัพจุดแจกจ่ายวัคซีนให้มากขึ้น รวมถึงให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าฝึกฉีดวัคซีนให้ประชาชนด้วย
สหรัฐฯ ถือว่าเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วและมากที่สุดในโลก และเห็นผลค่อนข้างทันตตา จากที่มีผู้เสียชีวิตตมากเกือบ 600,000 คน และในวันแรก ๆ ที่ไบเดนรับตำแหน่ง มีผู้เสียชีวิตรายวันถึง 3,000 คน มาวันนี้ เหลือ 700 คนต่อวันแล้ว
ต้องรอดูว่า อเมริกาจะประกาศเอกราชจากโควิด-19 ในวันประกาศเอกราช 4 กรกฎาคม ได้ตามที่ไบเดนประกาศไว้ได้หรือไม่
งบประตุ้นเศรษฐกิจมหาศาลสู้โควิด-19
ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของไบเดน เขาทุ่มให้กับการผ่านกฎหมายงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 60 ล้านล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดจากผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาด
กฎหมายนี้ชื่อว่า “แผนช่วยเหลืออเมริกัน” และผ่านสภาคองเกรสได้สำเร็จ แม้พรรครีพับลิกันจะคัดค้าน และเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาแรก ๆ ที่ไบเดนสนองตอบชาวอเมริกันได้สำเร็จ คือ ส่งเช็กเข้ากระเป๋าเงินประชาชน
งบมหาศาลก็จริง แต่ผลระยะยาวน่าสนใจ เพราะโครงการวัคซีนที่รุดหน้า ประกอบกับครอบครัว-ธุรกิจ ที่ทรงตัวได้จากเงินช่วยเหลือ ทำให้ภาพลักษณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้ คาดว่าจะโต 7% ถือว่าเร็วที่สุดนับแต่ปี 1984 เป็นผลงานเศรษฐกิจที่สวนทางปีที่แล้วในสมัยทรัมป์ ที่เศรษฐกิจหดตัวลง 3.5% เลวร้ายสุดใน 74 ปี
รัฐบาลไบเดนสร้างงานมหาศาลเกือบ 1 ล้านตำแหน่ง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเศรษฐกิจเปิด ประชาชนทยอยกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ถ้าเทียบกับช่วงก่อนโควิดระบาด ยังถือว่าสร้างงานได้ค่อนข้างช้า ประกอบกับมีคนว่างงานสูงขึ้น Reuters คาดว่า สหรัฐฯ ต้องสร้างงานอีกกว่า 1 ล้านตำแหน่ง ถึงจะฉุกอัตราจ้างงานกลับสู่ระดับเดิมได้
พาสหรัฐฯ กลับสู่ผู้นำโลก
เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีไบเดนไม่รอช้า ลงนามในคำสั่งพิเศษ นำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่การเป็นภาคีข้อตกลงปารีส เพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงในทันที พร้อมประกาศจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกาปลอดคาร์บอนภายในปี 2050 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ล้ำหน้ากว่าสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ด้วยซ้ำ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาประกาศแผนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่ง จากระดับในปี 2005 ต่อที่ประชุมสุดยอด (แบบออนไลน์) ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ
เพื่อบรรลุเป้าหมายอันท้าทายนี้ ไบเดนเสนอแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อลงทุนในรถยนต์ขับเคลื่อนพลังไฟฟ้า และพลังงานสะอาด ที่ไบเดนเชื่อว่าจะช่วยสร้างงานค่าตอบแทนสูงได้หลายล้านตำแหน่ง
แข็งกร้าวด้านต่างประเทศ...เกินคาด
ผู้สังเกตการณ์ รวมถึงบางสื่ออาจเก็งว่า โจ ไบเดน เป็น ‘ผู้นำสายอ่อน’ และเน้น ‘ชั้นเชิงทางการทูต’ แต่กลับกลายเป็นว่า 100 วันแรกของเขา ไบเดนแข็งกร้าวด้านต่างประเทศเกินคาด
ไบเดน ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ลงโทษแทรกแซงเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และการโจมตีทางไซเบอร์ พร้อมเรียกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่า “ฆาตกร”
ไบเดน ยังคงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่ใช้มาตั้งแต่สมัยทรัมป์ และยืนยันจะไม่ยอมยกเลิกคว่ำบาตร ตราบใดที่รัฐบาลอิหร่านไม่ยอมเข้าร่วมเจรจาโครงการนิวเคลียร์แบบซึ่งหน้า
กำแพงภาษีสินค้าจากจีน เป็นหนึ่งในนโยบายทรัมป์ที่ไบเดนยังสืบทอดมาใช้ต่อ รวมถึงอนุญาตให้นักการทูตอเมริกันเดินทางไปไต้หวัน พร้อมกดดันรัฐบาลจีนต่อกรณีที่ชาติตะวันตกอ้างว่า จีนใช้แรงงานทาสชาวมุสลิมซินเจียงอุยกูร์ และละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่เพียงชาวอุยกูร์ แต่รวมถึงการขจัดผู้เห็นต่างในฮ่องกงด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ไบเดนยังสลายบรรยากาศชื่นมื่นที่รัฐบาลยุคทรัมป์มีกับซาอุดีอาระเบีย เพราะไบเดนตีตัวออกห่างมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA เปิดเผยในรายงานว่า ว่าที่กษัตริย์ซาอุอยู่เบื้องหลังสั่งสังหารนักข่าว จามาล คาชูจกิ
ไม่นานมานี้ ไบเดนยังประกาศยอมรับว่า จักรวรรดิออตโตมัน หรือตุรกีในปัจจุบัน ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนีย ในการสังหารหมู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มตั้งแต่ปี 1915 ด้วย ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ออกมายอมรับในเรื่องนี้
พรมแดนทะลัก ความท้าทายใหญ่
ประธานาธิบดีไบเดนลงนามคำสั่งพิเศษ ยกเลิกนโยบายกีดกันผู้อพยพเข้าเมืองแบบสุดโต่งของทรัมป์ รวมถึงยุติการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนติดกับเม็กซิโก และคำสั่งห้ามชาวมุสลิมในหลายประเทศเข้าสหรัฐฯ จนได้รับการชื่นชมกว้างขวาง
แต่เขาก็เผชิญกับปัญหาปวดหัว กับคลื่นผู้อพยพจากลาตินอเมริกา ที่พยายามข้ามพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เข้ามา และนโยบายห้ามผู้อพยพข้ามแดนจากยุคทรัมป์ ยังคงบังคับใช้อยู่ ด้วยเหตุผลด้านสาธารณสุขและป้องกันโควิด-19
ผู้อพยพเข้าเมืองเป็นนโยบายที่ไบเดนเดินหน้าได้ไม่เต็มที่ พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะตอนแรกให้คำมั่นจะเพิ่มโควตาผู้อพยพเข้าเมือง แต่ท้ายสุดก็ยึดโควตาเดิมที่ต่ำมาก ๆ จากรัฐบาลทรัมป์ต่อไป
กราดยิงระบาดหนักพอกับโควิด
แม้ช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก ๆ เหตุกราดยิงในสหรัฐฯ จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ปี 2021 การกราดยิงกลับมาเกิดขึ้นบ่อยและถี่อีกครั้ง
ตามข้อมูลของหน่วยงานสถิติความรุนแรงจากปืน พบว่า ปีนี้ จนถึงวันที่ 26 เมษายน เกิดเหตุกราดยิงมากกว่า 163 ครั้งแล้ว เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกิดเหตุกราดยิง 94 ครั้ง
ไบเดนพยายามเรียกร้องการปฏิรูปกฎหมายปืน รวมถึงห้ามการจำหน่ายปืนจู่โจมแบบที่ใช้ในกองทัพ และแมกกาซีนศักยภาพสูงที่บรรจุกระสุนได้ในปริมาณมาก แต่อุปสรรคใหญ่ คือ กฎหมายแบบนี้ต้องผ่านสภาคองเกรส
เขาพยายามผลักดันการกวาดล้าง ‘ปืนผี’ หรือปืนที่ประชาชนประกอบเองจากการสร้างด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ พร้อมเสนองบประมาณหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการซื้อปืนคืนจากประชาชน แต่ต้องยอมรับว่า นโยบายด้านปืนนี้ ไบเดนทำผลงานได้ไม่ดีนัก
สรุปแล้ว...อเมริกาได้ผู้นำแบบไหน
สรุปแล้ว 100 วันแรกของไบเดน เปลี่ยนโทนของอเมริกาไปอย่างสิ้นเชิง จากเจ้าวาทกรรมอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ มาเป็นประธานาธิบดีตามประเพณีนิยม และตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมอ้อมโลกแบบทรัมป์
ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ชาวอเมริกันกว่าครึ่ง กดถูกใจให้การทำงานขอบไบเดน จำนวนไม่น้อยเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันอีกด้วย
แต่ยิ่งผลงานไบเดนเข้าตาประชาชนเท่าไหร่ รีพับลิกันจะต้องหาทางเตะสกัดขามากขึ้นเท่านั้น มิเช่นนั้น โมเมนตัมการเมืองจะเทไปทางเดโมแครตจนเกินไป และจะกระทบต่อการเลือกตั้งกลางเทอม และแผนทวงบัลลังก์การเมืองในปี 3 ปีกว่า ๆ ข้างหน้า
แต่...ก็มีคำสัญญาที่จะว่าน่าผิดหวัง หรือไบเดนล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย ก็คงเป็น สัตว์เลี้ยงประจำทำเนียบขาว ที่ครอบครัวหมายเลขหนึ่งเคยบอกว่า จะมีทั้งสุนัขและแมว
สุนัขเยอรมันเชปเพิร์ด 2 ตัวของไบเดน ต้องออกจากทำเนียบขาวชั่วคราว เพื่อไปรับการฝึกใหม่ หลังกัดเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
และจนถึงตอนนี้...ยังไม่มีแมวในทำเนียบขาว
เรื่อง : ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล
ภาพ : Reuters