รีเซต

ชาวอมก๋อย รวมตัวยื่นหนังสือ ค้านเปิดตลาดนัด หวั่น 'โควิด' ระบาดซ้ำ

ชาวอมก๋อย รวมตัวยื่นหนังสือ ค้านเปิดตลาดนัด หวั่น 'โควิด' ระบาดซ้ำ
ข่าวสด
15 พฤศจิกายน 2564 ( 13:18 )
75
ชาวอมก๋อย รวมตัวยื่นหนังสือ ค้านเปิดตลาดนัด หวั่น 'โควิด' ระบาดซ้ำ

ชาวบ้านอ.อมก๋อย รวมตัวยื่นหนังสือ ถึงผวจ.เชียงใหม่ คัดค้านการเปิดตลาดนัด ที่อนุญาตให้คนนอกเข้าพื้นที่ หวั่น โควิด-19 ระบาดซ้ำ

 

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2564 ที่ว่าการอำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ น.ส.ขวัญหทัย โล่ห์ติวิกุล ตัวแทนชาวบ้านอ.อมก๋อย พร้อมชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ผวจ.เชียงใหม่ ผ่านนายวรศักดิ์ พานทอง ปลัดอาวุโสอำเภออมก๋อย คัดค้านการเปิดตลาดนัดที่อนุญาตให้คนนอกพื้นที่เข้ามาค้าขายท่ามกลาง โควิด-19 ที่กำลังระบาดซ้ำ

 

น.ส.ขวัญหทัย กล่าวว่า ในห้วงระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในพื้นที่อ.อมก๋อย มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ทางอ.อมก๋อย ไม่ได้มีการควบคุมดูแลและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปล่อยให้ หน่วยงานสาธารณสุข โรงพยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่อาสา และภาคประชาชนต้องออกมาขับเคลื่อนด้วยตัวเองในแต่ละพื้นที่

 

ไม่มีนโยบายในการสั่งการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ไม่ทำงานในเชิงรุกจนเกิดคลัสเตอร์ในพื้นที่ ทั้ง ๆ ที่เป็นพื้นที่ทางเข้าออกไม่กี่ทาง หากเอาจริงเอาจัง และให้ความรู้ชาวบ้านพร้อมทั้งเน้นย้ำผู้นำหมู่บ้านอย่างเต็มที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และป้องกันปัญหาได้อย่างดี

 

แต่แล้วกลับจะมีการจัดตลาดนัดไทยช่วยไทยระหว่างวันที่ 12-21 พฤศจิกายน 64 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด โควิด-19 เอากลุ่มผู้ค้าแผงลอยนอกพื้นที่มาตั้งร้านขายในอำเภอ อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกัน ตลาดนัดในพื้นที่ซึ่งชาวบ้านนำพืชผักทางการเกษตรมาขายทุกอาทิตย์ ไม่มีการเปิดให้ชาวบ้านค้าขายตั้งแต่มีการแพร่ระบาด

กลุ่มประชาชนจึงได้นัดรวมตัวเข้าพบนายอำเภอเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 64 ขอให้ยุติ หรือเลื่อนออกไปก่อน หรือพิจารณาหากจะทำตามโครงการให้เริ่มจากการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ชาวบ้านอมก๋อยโดยเปิดตลาดนัดของชุมชนให้คนอมก๋อยได้มาค้าขายในพื้นที่ก่อน ก็ไม่ยอมรับฟังเสียงชาวบ้าน ยืนยันจะจัดให้ได้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดคลัสเตอร์ตามมาภายหลัง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีกครั้ง

 

อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกให้แก่พื้นที่โดยเฉพาะภายหลังจากชาวบ้านนัดรวมตัวเข้าพบนายอำเภอเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 64 ที่ผ่าน มีการนำไปโพสต์ในกลุ่มไลน์ผู้นำหมู่บ้านซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความเกลียดชังแก่หน่วยงานอื่น และประชาชนที่ไปร้องทุกข์ต่ออำเภอซึ่งเป็นหน่วยงานที่พึ่ง แทนที่จะหาทางออกและร่วมกันแก้ไขปัญหาแบบสมานฉันท์กลับไม่ได้รับความสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง