ส.อ.ท. ผวาน้ำมันดิบพุ่ง 150 เหรียญฯ ห่วงเงินเฟ้อ ของแพง ซ้ำเติมประชาชน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถานการณ์เงินเฟ้อ และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น น่าเป็นห่วงอย่างมาก ปัจจุบันมีความตึงเครียด แต่ในเรื่องที่มีการที่มีการปะทะกัน การบุกรุกอาจจะไม่ได้ส่งผลโดยกับไทย เพราะสมรภูมินั้นอยู่ไกลมาก ขณะที่ผลกระทบในทางอ้อมนั้น มีแน่นอน โดยหลังจากชาติตะวันตก นำโดยสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ กับรัสเซีย ทำให้มีผลต่อระบบทางการเงิน ธุรกรรมต่างๆ และการแช่แข็งสกุลเงินของรัสเซียที่อยู่ในต่างประเทศด้วย
รวมทั้ง ยังมีการคว่ำบาตรหรือกีดกันเรื่องของเส้นทางการบิน ทั้งที่การไม่อนุญาตให้เดินทางไปยังรัสเซีย และการที่รัสเซียเองปิดน่านฟ้า และการปิกกั้นเส้นทางเดินเรือ ทำให้ต้องปรับเส้นทางใหม่ ที่อ้อมกว่าเดิม ซึ่งเสียเวลาและเพิ่มต้นทุนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การกีดกันด้านการค้า ไม่ว่าจะเป็นแบร์นเนมต่าง ๆที่รวมมือกันยกเลิกการจำหน่ายในรัสเซีย
“เป็นที่ชัดเจนว่า ขณะนี้ประธานาธิบดีของรัสเซียได้ประกาศแล้วว่า การที่ประเทศฝั่งตะวันตกมีการประกาศคว่ำบาตร ถือเป็นการประกาศสงครามจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยา ทำให้ความมั่นใจ ของตลาดทุนและตลาดหุ้นในทั่วโลก ต่างติดลบกันหมด เผชิญภาวะความผันผวนของค่าเงิน ด้านราคาทองคำก็ปรับตัวสูงขึ้น”นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวว่าอีกเรื่อง ที่วิกฤตที่สุด คือราคาพลังงาน ปัจจุบันราคาน้ำมันโลกได้ทะลุเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และถ้าสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปอาจจะทะลุ 120 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล หรือ 150 เหรียญสหรัฐฯต่อ บาร์เรล ก็เป็นไปได้ และการที่รัสเซียปิดท่อแก๊สที่ส่งไปยังประเทศทางยุโรป อาจจะทำให้เกิดการขาดแคลน ทั้งแก๊สที่ใช้ในครัวเรือน แก๊สหุงต้ม และที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้หลายโรงงานอาจจะต้องปิดตัวลง หรือชะงักการผลิต ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสินค้าวัตถุดิบต่างๆสูงขึ้นตามลำดับ
ในด้านการส่งออกของไทยไปยังรัสเซียก็ต้องชะลอไป และหากสถานการณ์ยืดเยื้อก็อาจจะลดลง แม้ว่าการส่งออกจากไทยไปยังรัสเซียจะมีจำนวนเพียง 0.38% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย แต่ก็มีผลกระทบแน่นอน ด้านการท่องเที่ยวก็เช่นกัน จากที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 5-6 ล้านคน ในปี2565 ก็อาจจะลดลง เพราะ จำนวนคนรัสเซียที่เดินทางเข้าไทย ก็มีจำนวนมาก ติดอันดับ 1ใน 5 ที่เดินทางมากที่สุด และประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะกลุ่มยุโรป ก็จะได้รับผลกระทบจากการปิดเส้นทางการบิน ทำให้ไม่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทย
นายเกรียงไกร กล่าวว่าส่วนเรื่องที่ว่าไทยเข้าสู่สภาวะเงินเฟ้อแต่เศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือไม่นั้นปัจจุบันยังไม่ถึง ขั้นนั้น แต่แนวโน้มในอนาคต อัตราเงินเฟ้อไทยอยู่ที่ประมาณกว่า 5% ถือว่าขึ้นมาสูงมาก เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ฉะนั้นถ้าหากเกิดกรณีที่ราคาน้ำมันยังวิ่งขึ้นไม่หยุด ไปทะลุ 150 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็ยิ่งกดดันทำให้ค่าเงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้นข้าวของราคาแพง แต่ก็ขายของไม่ออกซึ่งก็อาจจะทำให้เข้าสู่ภาวะ เงินเฟ้อและเงินฝืด ในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่เศรษฐกิจไทยเราเพิ่งจะฟื้นตัว อย่างช้าๆก็จะได้รับผลกระทบก็จะได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ต้องยอมรับว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไทยก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ก็ปิดกิจการลงไปเยอะๆ รายได้ของคนทั่วไป ก็ไม่เพิ่มแถมมีแต่จะลดลง ก็ยิ่งส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศหดหายไป ยิ่งไปกว่านั้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาระทางการคลังเพราะ รัฐบาลจำเป็นจะต้องหาเงินมาช่วยอุดหนุนและตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินกว่า 30 บาท ซึ่งอาจจะมีการกู้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรืออาจจะต้องพิจารณาปรับ ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลดลงเพิ่มอีก