นายกฯ มอบนโยบาย ชรบ. 7 จังหวัดชายแดน ย้ำไม่ประมาท-ต้องมีความพร้อม

วันนี้ (4 ธ.ค. 68) เวลา 15.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ณ โดมเอนกประสงค์เทศบาลตลาดนิคมปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ โดย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมด้วย
โดยมี นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการทหาร ตำรวจ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน รวมจำนวน 2,500 คน ร่วมรับฟัง
ในวันนี้ นายอนุทิน สวมเครื่องแบบ อส. ยศ นายกองใหญ่ ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน โดยเมื่อเดินทางถึงเทศบาลตำบลตลาดนิคมปราสาท ได้รับฟังการกล่าวรายงานยอดกำลังพลจากหัวหน้ากองผสมกองอาสารักษาดินแดนและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน แล้วจึงเดินพบปะกำลังพล ชรบ. ก่อนจะเป็นประธานมอบนโยบาย
ซึ่ง ณ ที่นั้น มีนายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต้อนรับในนามประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ และนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวรายงานสถานการณ์เหตุการณ์และการเตรียมความพร้อมของฝ่ายปกครองตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ทั้งนี้ ภายหลังจากมอบนโยบายแล้วเสร็จ นายอนุทิน ได้นำคณะเดินไปยังโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 1 พร้อมรับชมการสาธิตแผนเผชิญเหตุการณ์ตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังและพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
สำหรับการสาธิตแผนเผชิญเหตุการณ์ตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังในวันนี้ "เริ่มต้นจากการเฝ้าฟังติดตามสถานการณ์ทางวิทยุสื่อสาร กระทั่งได้รับรายงานจากผู้บังคับหน่วยกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 216 และหัวหน้าชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี ว่ามีความเคลื่อนไหวพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงวิทยุรายงาน สถานการณ์พื้นที่หน้าแนวไปยังนายอำเภอบ้านกรวด ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและสาธารณภัย
กรณี "ภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ" โดยนายอำเภอได้สั่งการผ่านวิทยุสื่อสารข่ายบังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มไลน์ส่วนราชการ และกลุ่มไลน์ราชสีห์ อำเภอบ้านกรวด ให้เตรียมความพร้อมตาม "แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง" ตามที่ได้มีการซักซ้อม โดยจัดการให้สมาชิก อส. หนุนเสริมกำลังจนกระทั่ง มีกระสุนปืนใหญ่ bm21 ตกลงในพื้นที่ จึงได้สั่งการเคลื่อนประชาชนเข้าหลุมหลบภัยโดยมีประชาชนจิตอาสาคอยดูแลประชาชนในหลุมหลบภัย
ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบชั่วคราว จึงได้รีบนำรถยนต์เคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย (ศูนย์พักพิง) และนำรถกู้ภัย รถพยาบาลเร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปยังศูนย์พักพิง โดยจะมีกำลังพล อส. และ ชรบ. ลาดตระเวนและสอดแนมบริเวณพื้นที่หมู่บ้าน เพื่อป้องกันผู้ที่อาจจะแอบแฝงเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ราชอาณาจักรไทย"
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเห็นความเข้มแข็งของ ชรบ. ในวันนี้ ทำให้รู้สึกดีใจและมีความมั่นใจว่า กำลังพล ชรบ.ทุกนาย มีความพร้อมที่จะให้การดูแลพี่น้องประชาชนในกรณีที่หากมีสถานการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น เป็นกำแพงพิทักษ์ดูแลทำให้พื้นที่ส่วนหลัง ก็คือ พี่น้องประชาชน บ้านเมืองของพวกเรา เขตอธิปไตยของคนไทย มีความแข็งแกร่ง มีความเข้มแข็ง และทุกวันนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีสถานการณ์ความรุนแรงใด ๆ แต่อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างเสมอ เราต้องไม่ประมาทและประเทศไทยเราต้องมีความพร้อมเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพี่น้องประชาชน ซึ่งรวมถึงภัยอื่น ๆ ทั้งภัยพิบัติในรูปแบบต่าง ๆ ที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านมีหน้าที่หลักต้องดูแลพี่น้องประชาชน "ต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาด้วย"
"การพบกันในวันนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความพร้อมเพรียงเพื่อพิทักษ์ดูแลพี่น้องประชาชนทั้ง 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดเป็นตัวแทนพี่น้อง ชรบ. ทั้งจังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี พวกเราทุกคนมีความพร้อม มีความเต็มใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องแผ่นดิน และอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยของพวกเรา ตั้งแต่แนวหน้าตามแนวชายแดนรวมไปถึงพื้นที่ส่วนหลัง
ซึ่งก็คือบ้านของพวกเรา โรงเรียนของลูกหลานเรา วัดในชุมชนที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน เพราะนี่คือสิ่งที่จะเป็นขวัญและกำลังใจที่ทำให้พี่น้องทหารหาญของเราไม่ต้องกังวลว่าลูก และครอบครัวจะเป็นอย่างไร ซึ่ง "ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน" รวมถึงสมาชิกของอาสารักษาดินแดน ข้าราชการฝ่ายปกครอง ตำรวจ หรือแม้กระทั่งพี่น้องทหารฝ่ายสนับสนุน เป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับพี่น้องทหารแนวหน้าของเราไม่ต้องพะวงหลัง"
นายอนุทิน ได้มอบแนวทางการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่สวนหลังของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ได้แก่
1. ความมั่นคงของชายแดนกับความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ส่วนหลัง โดยกองทัพมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน ในขณะที่ฝ่ายปกครอง ทั้งตำรวจ พลเรือน มีภารกิจที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การดูแลแนวหลังในหมู่บ้าน/ชุมชนให้มีความสงบเรียบร้อย ต้องมีการซักซ้อม มีการพร้อมในการระดมความช่วยเหลือทั้งหมด เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนในพื้นที่อันตรายพื้นที่สุ่มเสี่ยง ให้มีความปลอดภัยในชีวิต "ไทยนี้รักสงบ เพราะการรักสงบ ความพร้อม ความนิ่ง คือ สิ่งที่น่ากลัวที่สุด และพวกเราทุกคนมีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วอย่างเข้มแข็ง ด้วยกำลังพลภาคประชาชน"
2. บทบาทของประชาชน บทบาทฝ่ายปกครองและกองกำลังภาคประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความมั่นคงไม่ใช่เป็นภารกิจของฝ่ายทหารหรือกองทัพอย่างเดียว สำหรับพวกเราที่อยู่ในชุมชน คนที่ประชาชนคิดถึงคนแรกคือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และนายอำเภอ ที่ต้องมีความพร้อมในการสื่อสารและเข้าถึงซึ่งกันและกันตลอดเวลา สื่อสารข้อมูลอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ ทันที
3. การเตรียมพร้อมตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง แบ่งบทบาทหน้าที่กำลังพลทั้ง 4 แนว คือ
1) พื้นที่แนวรบแนวปะทะ ทหารเป็นหลักในการป้องกันอธิปไตย
2) พื้นที่สนับสนุนการรบ คือ กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ทำหน้าที่เชื่อมแนวหน้าและพื้นที่ส่วนหลัง
3) พื้นที่หมู่บ้าน ซึ่งกำลังพลชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านทุกคน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น ต้องมีหน้าที่ดูแลความสงบ เฝ้าระวัง แจ้งเตือนเหตุผิดปกติ เตรียมการอพยพและประสานงานทุกสถานการณ์
4) เตรียมพร้อมศูนย์พักพิง/ศูนย์อพยพให้เป็นจุดรวมพลังของหลายหน่วยงานที่ต้องบูรณาการบริหารการจัดการดูแลจัดระเบียบศูนย์พักพิงให้เป็นที่ที่ผู้พักพิงเข้ามาแล้วมีความอุ่นใจว่า "พวกเขาปลอดภัย" ทั้งที่พัก อาหารการกินที่มีคุณภาพ คำนึงถึงสิทธิความเป็นมนุษย์
"แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังไม่ใช่แผนบนกระดาษ แต่เป็น "แผน" ที่ทุกคนต้องเข้าใจลึกซึ้ง เมื่อถึงเวลาต้องปฏิบัติได้จริงในทุกชุมชน เพื่อความสงบสุข เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน และหวังขออย่าให้มันเกิดขึ้น แต่เราต้องมีความพร้อม ขอให้เหตุการณ์ที่มันอาจจะเกิดขึ้นจนต้องใช้แผนนี้มันไม่เกิด ขอให้เหตุการณ์ที่มันอาจจะเกิดต้องล้มเหลว ไม่มาทำความรำคาญให้พี่น้องประชาชนเรา นี่คือความหวังแต่ในความหวังนั้นมันแฝงไปด้วยความพร้อมว่า "ถ้ามันจำเป็นต้องเกิดเราก็พร้อม" ด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความเสียสละของพวกเราทุกคน
เพราะเราซ้อมกันอยู่ทุกวัน อยู่ในเลือดอยู่แล้ว ดังพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนหนึ่งที่ว่า "แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์" รวมถึงพระราชนิพนธ์ สยามานุสสติ "ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น" และเพลงชาติไทย ที่ว่า "ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด" ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และพร้อมปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติทันที ทุกคนต้องทำการบ้านล่วงหน้ามาก่อน สั่งวันนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งคนสั่งคือประชาชน ด้วยการเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการในพื้นที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบและพรัอมทำทันที"
ทั้งนี้ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการช่วยเหลือเจ้าพนักงานของหน่วยกำลังคุ้มครองและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 กำหนดให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับดูแล สั่งการ และให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ชรบ. ตามนโยบายของทางราชการ โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ช่วยเหลือปฏิบัติหน้าที่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
