โควิดไทยส่อดีขึ้น อนุทิน จ่อชง ศบค.ผ่อนมาตรการเพิ่ม ผับบาร์ต้องรอ!
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร สธ. ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ว่า วันนี้เป็นการประชุมผู้บริหารประจำเดือน สาระสำคัญส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องติดตามปฏิบัติ โดยแจ้งไปว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมามีสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายในกระทรวงฯ ทั้งการสนับสนุนจากรัฐบาล เพิ่มการครอบคลุมสิทธิประโยชน์ตามหลักประกันสุขภาพ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขยายการฉีดให้เด็ก ไปจนถึงการสนับสนุนองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในการผลิตยา และเวชภัณฑ์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการนำเข้ายา และได้หารือกันเรื่องปัญหาเด็กเกิดน้อยในประเทศไทย โดยได้มอบหมายให้กรมอนามัย หาแนวทางแก้ไขปัญหา
นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้หารือการเปลี่ยนให้โรคโควิด-19 จากโรคระบาด (Pandemic) เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) โดยมอบหมายให้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. และกรมควบคุมโรค สื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจนถึงความหมาย และเจตนารมณ์
“ไม่ใช่เป็นเพียงการบัญญัติศัพท์ แต่วัตถุประสงค์คือ จะทำอย่างไรที่จะอยู่กับโควิด-19 ควบคุมความรุนแรงของโรคได้ ความพร้อมของสถานพยาบาล เพื่อให้คนเห็นว่าหากติดเชื้อโควิด-19 ก็ไม่ต่างจากโรคติดต่ออื่น โดยต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ มั่นใจ คลายวิตก และมีกำลังใจมูฟออน” นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลของระบบเทสต์ แอนด์ โก (Test and Go) ที่กลับมาเปิดรับผู้เดินทางเข้าประเทศอีกครั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้เราเริ่มเปิดการลงทะเบียนให้เดินทางเข้าไทยผ่าน T&G ซึ่งย้ำว่าตามมาตรการจะต้องตรวจ RT-PCR ทั้งหมด 2 ครั้งคือวันที่ 1 และวันที่ 5 ของการเดินทางมาถึง ขณะเดียวกัน ระหว่างที่รอตรวจซ้ำครั้งที่ 2 อยู่ในระบบการติดตามผ่าน Thailand Pass ซึ่งเป็นการลงทะเบียนก่อนเดินทางมาถึงไทย นอกจากนั้น ต้องมีหลักฐานการจองโรงแรมในการตรวจทั้ง 2 ครั้ง ทางโรงแรมเองก็ต้องติดตามในส่วนนี้อยู่แล้ว โดยตนได้ข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามา บอกว่ามาตรการของไทยเราเข้มข้นมาก นั่นเป็นสิ่งที่เรายืนยันในมาตรฐาน และขอผู้ประกอบการอย่าหย่อนมาตรการ เพื่อให้ได้ความเชื่อถือ
เมื่อถามว่า สธ.จะมีการเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยเฉพาะสถานบันเทิงประเภทผับบาร์ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนของคาราโอเกะ ผับบาร์ ยังต้องควบคุมอย่างหนัก แต่ก็พร้อมให้ผ่อนคลายเปลี่ยนเป็นร้านอาหารได้ ขณะที่ การปรับมาตรการสีของพื้นที่ กรมควบคุมโรคยืนยันว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น ก็พร้อมจะเสนอให้มีการผ่อนคลายทันที
“วันนี้ คลัสเตอร์ทั้งหมดมาจากการดื่มสุรา ของมึนเมา ตราบใดที่เป็นเช่นนี้อยู่ เราก็ต้องควบคุม” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงที่การใช้ชีวิตของคนไทย กับการควบคุมโรคค่อนข้างสมดุล แต่อย่างที่ทราบกันเมื่อผ่อนคลาย เปิดกิจกรรม ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด แต่ที่เห็นชัดคือ อัตราเสียชีวิตยังค่อนข้างต่ำ แต่ทางที่ดีสุดคือ การเน้นย้ำฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ก็มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กเล็ก เพราะเป็นจุดอ่อน ซึ่งเราก็ต้องมาปิดตรงนี้ด้วย