"หยวนต้า" ชี้ SET ไม่หลุด 1,000 จุด แนะ 3 ปัจจัยหนุนตลาดฟื้นครึ่งปีหลัง

"หยวนต้า" ประเมิน SET Index มีโอกาสหลุด 1,000 จุดได้ยาก ชี้แนวรับสำคัญ 1,050 จุดมี Valuation ถูกสุดขีดด้วย P/BV เพียง 1 เท่า ห่วงปัจจัยเสี่ยงใหม่ "การเมืองระหว่างประเทศ" กรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อาจเป็นตัวแปรฉุดตลาด แต่มองครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัวสูงจาก 3 ปัจจัยหนุน ทั้งการเบิกจ่ายงบภาครัฐ 6 แสนล้าน สภาพคล่องในระบบ และการดึงกลับของตลาดที่ Laggard ภูมิภาค แนะฉวยจังหวะผันผวนปลายเดือนเป็นโอกาสสะสม 6 หุ้นใหญ่พื้นฐานดี
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองผ่านรายการ WEALTH LIVE ว่า โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,000 จุดนั้น ยังมองว่าค่อนข้างยาก เนื่องจากมีแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาและทางเทคนิคที่บริเวณ 1,050 จุด
1,050 จุด แนวรับสำคัญ-P/BV ต่ำสุดในรอบหลายปี
คุณณัฐพลชี้ว่า ที่ระดับดัชนี 1,050 จุด มูลค่าทางบัญชีของตลาด (Price Per Book Value: P/BV) จะอยู่ที่เพียง 1 เท่า ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ซื้อขายกันสูงเกือบ 2 เท่า นอกจากนี้ ค่า P/E จะอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า และให้อัตราเงินปันผลเฉลี่ยสูงถึง 4.8%
"ถ้าลงมาถึง 1,000 จุดจริง ๆ ซึ่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดช่วงโควิดที่ 969 จุด ตอนนั้นคือกิจกรรมเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงมองว่าเป็นระดับที่วิกฤตเกินไป และน่าจะมีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติและสถาบันโยกกลับเข้ามาซื้อหุ้นที่ราคาถูกมากแล้ว"
การเมืองในประเทศ "ชินชา" - ห่วง "ไทย-กัมพูชา" ปัจจัยเสี่ยงใหม่
สำหรับปัจจัยเสี่ยง คุณณัฐพลมองว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้าง "ชินชา" กับสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเกือบ 20 ปี ซึ่งอาจทำให้เกิดการย่อตัวได้ แต่ไม่น่าจะนำไปสู่วิกฤต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดและถือเป็น "เงื่อนไขใหม่" ที่ตลาดไม่เคยมีข้อมูลสถิติในอดีต คือ สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
"ถ้าจะหลุด 1,000 จุด ผมว่าน่าจะเกิดจากเงื่อนไขการปะทะกันบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่หากเป็นเรื่องการเมืองปกติ หรือปัจจัยพื้นฐานปกติ ผมคิดว่าไม่น่าจะถอยต่ำกว่าแนวรับสำคัญลงไปแล้ว"
3 ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวครึ่งปีหลัง
แม้จะมีความเสี่ยง แต่ บล.หยวนต้า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกจาก 3 ปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่:
ตลาด Underperform รุนแรง: ตลาดหุ้นไทยติดลบไปแล้ว 25% (YTD) สวนทางกับตลาดภูมิภาคที่บวกเฉลี่ย 10% ทำให้เกิดภาวะ Laggard อย่างหนัก ซึ่งโดยธรรมชาติต้องมีจังหวะดึงกลับ
การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ: เมื่อการเมืองในประเทศคลี่คลาย รัฐบาลมีงบลงทุนปี 2568 ที่พร้อมเบิกจ่ายในช่วงไตรมาส 3 (ตามปีปฏิทิน) อีกกว่า 600,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
สภาพคล่องหนุนตลาดทุน: เมื่อสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจดีขึ้น จะช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาดทุนตามมา ซึ่งปัจจุบันปัญหาหลักของตลาดคือ "สภาพคล่องและความเชื่อมั่น" ไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน
กลยุทธ์ลงทุน: ช้อนซื้อหุ้นใหญ่ช่วงผันผวน
ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ตลาดจะมีความผันผวนจากการหมดอายุของ SET50 Index Futures, การปรับดัชนี SET50/SET100 และความชัดเจนทางการเมืองจากศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งคุณณัฐพลมองว่า "ความผันผวนคือโอกาส" ในการทยอยเข้าสะสมหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี โดยแนะนำหุ้นที่น่าสนใจดังนี้
CPALL
BDMS
KBank
SCB
OSP
GULF
สำหรับ DELTA แม้งบไตรมาส 2 จะออกมาใช้ได้ แต่ยังคงมีประเด็นการถูกจำกัดน้ำหนัก (Cap Weight) ที่ 10% และมี P/E สูงถึง 60 เท่า ทำให้ในเชิงพื้นฐานยังคงคำแนะนำ "ขาย" ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT) ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในระยะสั้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
