เปิดธีมลงทุนพิชิตเงินเฟ้อ หุ้นเฮลธ์แคร์แกร่งระยะยาว

#K-GHEALTH #ทันหุ้น เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชี้โอกาสลงทุนในกลุ่มเฮลธ์แคร์ ผ่าน K-GHEALTH กองทุนหุ้นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ยังโตต่อ แม้ในภาวะผันผวน
นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director – Financial Advisory Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนในกลุ่มเฮลธ์แคร์ ผ่านกองทุน K-GHEALTH เป็นโอกาสการลงทุนที่ดีในระยะยาวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่ตลาดลงทุนอยู่ภายใต้ความผันผวน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพ และเป็นเทรนด์แห่งอนาคต
เฮลธ์แคร์โอกาสระยะยาว
กองทุน K-GHEALTH ลงทุนใน 4 กลุ่มหลัก คือ 1.ธุรกิจยา (Pharma) ที่มีการพัฒนาให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุดหรือที่เรียกว่า Precision Medicine รวมไปถึงพัฒนาให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้อินซูลินอยู่ในรูปแบบเม็ด 2.ธุรกิจไบโอเทค (Biotech) การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยในการวินิจฉัย และรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาไปจนถึงระดับพันธุกรรม เช่น การรักษาโรคมะเร็งและโรคหัวใจ การพัฒนายาที่ป้องกันการเกิดหัวใจล้มเหลว ด้วยการเข้าไปสร้างกล้ามเนื้อหัวใจเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ด้วยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
3.เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Tech) ที่ใช้หุ่นยนต์ในการผ่าตัด การใช้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูลทางการแพทย์ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลมาใช้ในการวินิจฉัย เพิ่มความรวดเร็วและรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที และ4.บริการทางสาธารณสุข (Healthcare Services) ซึ่งเป็นการเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขในราคาที่เหมาะสม เช่น ระบบประกันสุขภาพที่มีบริษัทในเครือข่ายมาก ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น
นายโทมัส แบรดลี่ย์ ฟลานนาแกน ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน จาก JP Morgan Asset Management International Equity Group เปิดเผยว่า ปี 2565นับเป็นปีแห่งความผันผวน จากทั้งเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงความกังวลในเรื่องคอขวดห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นในหลายภูมิภาคและ หลายๆ อุตสาหกรรม กลุ่มเฮลธ์แคร์เองก็หนีไม่พ้น ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
“อย่างไรก็ตามหากมองย้อนกลับไปในอดีต ในช่วงที่เงินเฟ้อมีการปรับตัวขึ้นแรงๆ จะพบว่ากลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด ในขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์มีผลการดำเนินการดีตามมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ยังเป็นกลุ่มที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้แม้ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง”
แนะพอร์ตหุ้นเฮลธ์แคร์
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าทุกหมวดในกลุ่มเฮลธ์แคร์จะมีผลการดำเนินงานที่ดี โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ลงทุน และเลือกกลุ่มที่จะเข้าลงทุนให้เหมาะสม โดยมีสัดส่วนเมื่อเทียบกับดัชนี MSCI World Healthcare ดังนี้ ให้น้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้นกลุ่ม Biotech ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทำให้มูลค่าหุ้นมีความน่าสนใจ ให้เน้นบริษัทที่มีนวัตกรรม โดดเด่น มีคุณภาพ และโอกาสเติบโตในระยะยาว และกลุ่ม Healthcare Services เน้นลงทุนในกลุ่มประกันสุขภาพมากกว่าโรงพยาบาล
รักษาระดับหรือลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในหุ้น กลุ่ม Pharma ไม่ได้มีการปรับลด โดยยังคงสัดส่วนที่มากที่สุดในพอร์ต เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มั่นคง ไม่ผันผวนไปตามสภาพเศรษฐกิจ กลุ่ม Medical tech มีการปรับลด หุ้นขนาดใหญ่ในบางบริษัท ที่มูลค่าหุ้นสูง