SYNEX 'ทิสโก้' ชี้อัพไซด์กลับมาอีกครั้ง อัพเกรดคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
#SYNEX #ทันหุ้น - บล.ทิสโก้ จำกัด ส่องหุ้น บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX กำไรที่แข็งแกร่งในปี 2564 ได้รับการสนับสนุนจากทุกกลุ่ม โดยความต้องการที่แข็งแกร่งเห็นได้ในกลุ่มธุรกิจทั้งสามกลุ่มของ SYNEX ส่วนเชิงพาณิชย์มีรายได้เพิ่มขึ้น 16% YoY หนุนโดยการ WFH, เครือข่าย SOHO (small/home office) การกลับมาเริ่มโครงการขนาดใหญ่ และแบรนด์ใหม่ ส่วนกลุ่มการสื่อสารยังแข็งแกร่งที่ +10% YoY หนุนโดยการเติบโตที่แข็งแกร่งจากผลิตภัณฑ์ Apple แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านอุปทาน และเติบโต 200% YoY จาก Tecno (แบรนด์มือถือ) ส่วนกลุ่ม consumer ประกาศรายได้สูงสุดเพิ่มขึ้น +21% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบ และโน้ตบุ๊ก บวกกับความต้องการที่แข็งแกร่งจากอุปกรณ์ DIY และอุปกรณ์เกม (+75% YoY) การปรับฐานราคาหุ้นล่าสุด ทำให้ฝ่ายวิจัยได้อัพเกรดคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 29.0 บาท
ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 15% สำหรับปี 65
SYNEX ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 15% สำหรับปี 2565 จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และโมเมนตัมที่ดีท่ามกลางการฟื้นตัวด้าน supply chain การสนับสนุนคาดว่าจะมาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Galaxy S22 และ Huawei P50 Reborn, พันธมิตรแบรนด์ใหม่ อย่าง HIKVISION (ส่วนแบ่งตลาดในประเทศ 60%) และการขยายตัวเชิงรุกในการรักษาความปลอดภัย และการเล่นเกม ซึ่งรวม Capex มูลค่า 250 ล้านบาท ที่จะใช้สำหรับ Incubation and Service Point แล้ว เนื่องจากบริษัทยังคงมองหาพันธมิตรสำหรับ SWOPMART (ตลาดสินค้าไอทีมือสอง) ฝ่ายวิจัยยังไม่คาดหวังผลงานจากธุรกิจในตอนนี้
คาดกำไรเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ ใน Q1/65
ฝ่ายวิจัยยังคงอนุรักษ์นิยมด้วยการคาดการณ์การเติบโตของยอดขายในปี 2565 ที่ 10% เทียบกับเป้าหมายผู้บริหารที่ 15% เราเชื่อว่าการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้บริโภคและการค้า ตลอดจนจาก front-loading เราคาดว่า GPM จะขยายตัวเป็น 4.90-4.95% ในปี 2565-66 จาก i) รายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น และ ii) product mix ที่ดีขึ้นจากส่วนแบ่งเกมที่สูงขึ้นบวกกับแบรนด์สินค้าตัวเอง ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรจะเติบโต YoY ใน Q1/65 เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
มูลค่าเหมาะสมที่ 29.0 บาท (SOTP) แนะนำ “ซื้อ” ฝ่ายวิจัยรวม i) 26.5 บาท/หุ้น สำหรับธุรกิจการจำหน่ายหลักที่ P/E 25.5x และ ii) 2.4 บาท/หุ้น สำหรับมูลค่า NCAP (ส่วนลด 15%) ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ i) GPM ต่ำกว่าที่คาด ii) ความสำเร็จของ SWOPMART และ ii) การขาดแคลนอุปทาน