กรีนแลนด์กำลังหดตัว เสี่ยงดันทะเลท่วมโลก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์โลกร้อนได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภูมิภาคอาร์กติก หนึ่งในพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือ “กรีนแลนด์” เกาะขนาดใหญ่ที่เคยปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาทึบ แต่ปัจจุบันกำลังละลายและเปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง งานวิจัยล่าสุดจากสถาบัน DTU Space ของเดนมาร์กเผยว่า กรีนแลนด์กำลัง “หดตัว บิดตัว และเคลื่อนที่” ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมา
แผ่นน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ทำหน้าที่เสมือนน้ำหนักกดทับบนพื้นหินมานานหลายล้านปี เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นและน้ำแข็งละลาย แรงกดดังกล่าวลดลง ส่งผลให้พื้นดินใต้เกาะค่อย ๆ ยกตัวและเคลื่อนไหว งานวิจัยซึ่งเก็บข้อมูลจากสถานี GNSS กว่า 58 แห่งรอบเกาะ พบว่ากรีนแลนด์เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 2 เซนติเมตรต่อปี และในบางพื้นที่ยังเกิดการขยายออกหรือหดเข้าพร้อมกัน ทำให้ลักษณะทางภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2024 เพียงปีเดียว แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งไปกว่า 90 กิกะตัน แม้จะเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ แต่ก็ยังเป็นปีที่ 28 ติดต่อกันที่น้ำแข็งละลายมากกว่าที่เกิดใหม่ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงทำให้กรีนแลนด์ “หดตัว” แต่ยังเป็นภัยคุกคามระดับโลก เพราะแผ่นน้ำแข็งแห่งนี้เก็บน้ำจืดไว้มากพอที่จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 7.4 เมตร ซึ่งข้อมูลจากโครงการ Copernicus ชี้ว่า ทุก ๆ 1 เซนติเมตรที่ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น จะทำให้ประชากรกว่า 6 ล้านคนทั่วโลก เสี่ยงเผชิญน้ำท่วมชายฝั่ง
นักวิทยาศาสตร์ยังชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุคปัจจุบัน แต่มีรากเหง้ามาจากยุคน้ำแข็งเมื่อราว 20,000 ปีก่อน เมื่อมวลน้ำแข็งในอดีตเริ่มละลาย พื้นดินของกรีนแลนด์ค่อย ๆ ถูกผลักให้ยกตัวขึ้น และยังคงเคลื่อนไหวมาจนถึงปัจจุบัน การละลายอย่างต่อเนื่องในศตวรรษนี้จึงยิ่งเร่งให้โครงสร้างของเกาะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
โดยรวมแล้ว การที่กรีนแลนด์กำลังหดตัวและเคลื่อนที่ไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาเท่านั้น แต่เป็น “สัญญาณเตือนจากธรรมชาติ” ที่สะท้อนให้เห็นว่า ภาวะโลกร้อนกำลังเปลี่ยนแปลงโลกในระดับพื้นฐาน ทั้งภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และระบบนิเวศในเวลาเดียวกัน
กรีนแลนด์ที่กำลัง “หดตัว” เป็นตัวอย่างชัดเจนของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ลึกและซับซ้อนยิ่งกว่าที่มนุษย์เคยรับรู้ การละลายของน้ำแข็งไม่เพียงทำให้ทะเลสูงขึ้น แต่ยังเปลี่ยนรูปโลกใต้ฝ่าเท้าเราอย่างถาวร การตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาสมดุลของโลกใบนี้ต่อไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
