‘ปูติน-ไบเดน’ ชมประชุมสุดยอดเจนีวา รับยังมีประเด็นเห็นต่าง
การประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์จบลงแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความชื่นชมที่ได้มีโอกาสมาหารือกัน แม้จะมีความคืบหน้าไม่มากนักก็ตาม
การหารือระหว่างผู้นำสหรัฐและรัสเซียในลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561 โดยใช้เวลาไปราว 3 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่าที่กำหนดไว้แต่ต้นที่ 5 ชั่วโมง
ไบเดนกล่าวว่า ได้มีการหยิบยกเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายเห็นต่างขึ้นมาพูดคุยกัน โดยรัสเซียก็ไม่ต้องการให้มีสงครามเย็นครั้งใหม่เกิดขึ้น และไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการหารือมากกว่านี้ เพราะเป้าหมายสำคัญของการพูดคุยกันคือการพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซีย
ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า นายไบเดนเป็นผู้นำประเทศที่มีประสบการณ์ และทั้งสองฝ่ายต่างก็พูดจาภาษาเดียวกัน
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเริ่มต้นให้มีการเจรจาเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างกัน และจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตกลับไปประจำการที่เมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง หลังจากที่ได้มีการถอนเอกอัครราชทูตกลับประเทศเมื่อเดือนมีนาคม เมื่อสหรัฐกล่าวหารัสเซียว่าเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563
อย่างไรก็ดีในประเด็นอื่นๆ อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ สถานการณ์ในยูเครน รวมถึงสถานะของนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียซึ่งยังคงอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัว ยังไม่เห็นสัญญาณที่จะมีความตกลงระหว่างกันได้
ปูตินปัดข้อกล่าวหาของสหรัฐที่ว่ารัสเซียมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐ โดยผู้นำรัสเซียระบุว่าการโจมตีทางไซเบอร์ส่วนใหญ่ในรัสเซียก็มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐเช่นกัน ขณะที่ไบเดนได้กล่าวกับปูตินว่าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ น้ำประปาและพลังงาน จะต้องอยู่นอกเหนือการแฮก รวมถึงการโจมตีอื่นๆ
ในประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องสิทธิของการชุมนุมประท้วง ปูตินได้บอกปัดข้อห่วงกังวลของสหรัฐเกี่ยวกับนาวัลนีซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการอดอาหารประท้วงเป็นเวลา 24 วัน โดยย้ำว่านายนาวัลนีไม่สนใจกฎหมาย และรู้ว่าจะต้องโทษจำคุกหากเดินทางกลับมายังรัสเซียหลังไปรักษาตัวในเยอรมนี พร้อมปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้มีการวางยาพิษตามที่นายนาวัลนีกล่าวอ้าง
ผู้นำรัสเซียย้ำด้วยว่า รัสเซียไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในดินแดนของตนเองเหมือนกับเหตุผู้ประท้วงยุกยึดอาคารรัฐสภาสหรัฐ หรือการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิของคนผิวสี
ด้านไบเดนกล่าวว่า ความเห็นของปูตินเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวแบล็กไลฟ์แมทเทอร์สเป็นเรื่องน่าขัน พร้อมยืนยันว่าประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในเรื่องที่จะต้องมีการหารือกัน