กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โบรกแนะ “ถือ” บล.กสิกรฯชี้มีการลงทุนในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
#DELTA #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
การลงทุนในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
บล.กสิกรไทยจัดงาน KS Expert-Series โดยเชิญผู้บรรยายจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ใจความสำคัญเป็นไปในเชิงบวกเล็กน้อย
การลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเรื่องในห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ คาด DELTA HANA และ SVI จะได้รับคำสั่งซื้อใหม่จากบริษัทที่ย้ายออกจากจีน
บล.กสิกรไทยคงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มธุรกิจนี้ คาดประมาณกำไรปี 68 ของ DELTA มี downside 3% จากภาษี Top-up Tax Act ตามเกณฑ์ของ GMT ที่ 15%
Investment Topics
เหตุการณ์สำคัญเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. บล.กสิกรไทยจัดงาน KS Expert-Series - การลงทุนกับ BOI ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮเทค โดยเชิญวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เข้าร่วมบรรยาย โดยมีผู้จัดการกองทุนประเทศมากกว่า 50 รายเข้าร่วมงาน ใจความสำคัญเป็นไปใปในเชิงบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทย
การลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น บีโอไอเผยยอดอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ที่กว่า 2.60 แสนลบ. สูงกว่ายอดอนุมัติทั้งปี 2566 ที่ 1.70 แสนลบ. โดยเน้นการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ชั้นกลางน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การผลิตแผงวงจรและการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีบริษัทจากจีนและตะวันตกเข้าร่วมจำนวนมาก บีโอไอตั้งเป้าที่จะดึงดูดผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นต้นน้ำให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น แต่เน้นถึงความจำเป็นในการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะควบคู่ไปด้วย โดยการลงทุนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกของไทย เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 40-50% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด
การลงทุนด้าน EV ชะลอตัว แต่ data center ยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าจำนวนโครงการที่เกี่ยวข้องกับ EV จะเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนส่วนมากจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มากกว่าโรงงานผลิต EV เต็มรูปแบบ ซึ่งมีมูลค่าเม็ดเงินการลงทุนที่ต่ำกว่า ในทางกลับกัน แนวโน้มของศูนย์ข้อมูล (data center) เป็นไปในทางบวก เนื่องจากไทยมีโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรเพียงพอที่จะดึงดูดผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง AWS และ Microsoft เป็นต้น
อัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลกของ OECD เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. สำนักข่าวกรุงเทพธรกิจ รายงานว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ พรก. การจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม (Top-up Tax Act) เพื่อบังคับใช้กับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (GMT) ตามหลักเกณฑ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ 15% สำหรับบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ต่อปีเกิน 750 ล้านยูโร หรือประมาณ 2.8 หมื่นลบ. โดย พรบ. ฉบับนี้คาดมีผลบังคับใช้ภายในต้นปี 2568 ซึ่งจะเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 3 เดือน
มุมมองของบล.กสิกรไทย เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในห่วงโซ่อุปทานในประเทศในอนาคต เราคาดว่าบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมขั้นกลางน้ำถึงปลายน้ำอย่าง DELTA HANA และ SVI จะได้รับประโยชน์จากคำสั่งซื้อจากลูกค้าจีน และตะวันตกที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะมี downside 3% ต่อประมาณการกำไรปี 2568 ของ DELTA จากการบังคับ Top-up Tax Act
Valuation and Recommendation
คงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เราคาดแนวโน้มในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้ายังไม่สดใส การเติบโตจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม data center ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อDELTA เท่านั้น แต่มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับสูง และกำไรอาจได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นจาก 3% ในปัจจุบันเป็น 15% ตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 เป็นต้นไป