รีเซต

NOBLE ตั้งเป้าเปิดอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 2.1 หมื่นลบ.คาดรายได้ปีนี้ตามเป้า

NOBLE ตั้งเป้าเปิดอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 2.1 หมื่นลบ.คาดรายได้ปีนี้ตามเป้า
ทันหุ้น
15 พฤษภาคม 2567 ( 15:40 )
17
NOBLE ตั้งเป้าเปิดอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 2.1 หมื่นลบ.คาดรายได้ปีนี้ตามเป้า

#NOBLE #ทันหุ้น-นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE  เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนหลังของปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนอย่างต่อเนื่องอีก 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,130 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise รวมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,230 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง รวมจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เพื่อจะตอบรับความต้องการที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 20,600 ล้านบาท 

 

โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ารวม 21,371 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (Under Construction) และโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดขาย (New Project) รวมมูลค่าทั้งหมด 34,625 ล้านบาทที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 14,000 ล้านบาท 

 

สำหรับภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา (Noble Norse Krungthep Kreetha) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการรวม 1,480 ล้านบาท มียอดขายสะสมที่ 9% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขาย (Presale) สำหรับ 4 เดือนแรกของปีได้มากกว่า 4,300 ล้านบาท 

 

นายธงชัย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า สำหรับต่างชาติยังคงให้ความสนใจกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของผลกระทบเชิงบวกจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และประเทศไทย ก็ยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงคุ้มค่าต่อการลงทุน (Affordable) ขณะที่ลูกค้าภายในประเทศน่าจะได้ รับปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลประกาศเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาฯ จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาประเมินไม่เกิน 7 ล้านบาท 

 

โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนของสินค้าพร้อมขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทอยู่ที่ระดับ 32% ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ให้มีความคึกคักมากขึ้น รวมถึง สินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้แก่ โครงการ Happy Home อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปีเป็นระยะเวลา 5 ปี และโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี และสินเชื่อบ้านจากธนาคารออมสิน ได้แก่ โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี และโครงการสินเชื่อ D-HOME อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.50% ต่อปี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้กำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น   

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง