CHAYO แผน3ปีโต25% ดีลใหญ่ซื้อหนี้เข้าพอร์ต

ทันหุ้น – CHAYO ฟุ้งอยู่ระหว่างดีลสถาบันการเงินรายใหญ่ จ่อซื้อหนี้ตุนพอร์ตกว่า 6 พันล้านบาท คาดไม่เกินปลายปีได้ข้อสรุป วางเป้ารายได้ 3 ปี โตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20-25% วางงบลงทุน 2-2.5 พันล้านบาทต่อปี ซื้อหนี้เติมพอร์ตเพิ่ม แย้มอยู่ระหว่างศึกษา M&A-JV ต่อยอดธุรกิจ คาดปี 2565 ได้ข้อสรุป พร้อมเดินหน้าธุรกิจปล่อยสินเชื่อปีหน้าโตเท่าตัว ที่ 300-400 ล้านบาท
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าการเติบโตของผลการดำเนินงานใน 3 ปีจากนี้ (2565-2567) เฉลี่ยจะไม่ต่ำกว่า 20-25% ต่อปี โดยวางงบลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาทต่อปี เพื่อรองรับการรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาเติมพอร์ต และผลักดันให้มูลค่าสินทรัพย์รวมในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าขยายตัวแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ราว 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลหนี้คงค้างในพอร์ตอยู่ที่ประมาณ 65,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 15,000 ล้านบาท และหนี้ที่ไม่มีหลักประกันราว 50,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังคงมีเงินลงทุนเหลืออยู่อีกกว่า 1,000 ล้านบาท รองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในพอร์ตเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าเจรจากับทางสถาบันการเงินหลายราย คาดหวังว่าก่อนสิ้นปีจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาเติมพอร์ตได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท จากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ที่มีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาแล้วมูลค่ารวมราว 6,000 ล้านบาท
*ปล่อยสินเชื่อโตเท่าตัว
ขณะที่ธุรกิจให้สินเชื่อ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ บริษัท ชโย แคปปิตอล จำกัด นั้น บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 250 ล้านบาท หลังจากปัจจุบันมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วราว 190 ล้านบาท และในปี 2565 คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือกว่า 300-400 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าที่หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อในการดำเนินกิจการแฟรนไชส์ร้านอาหาร ร้านค้า ยานยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น โดยหากปีนี้ธุรกิจนี้มีผลการดำเนินงานแตะระดับ 10 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และยื่นไฟลิ่ง เพื่อขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2565
ส่วนธุรกิจเร่งรัดติดตามหนี้นั้น มองว่าในปี 2564 อาจจะย่อตัวลงราว 20% เนื่องจากรับผลกระทบของโควิด-19 แต่หากว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีการปรับตัวที่ดีขึ้นก็คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถกลับมาเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 20% สำหรับธุรกิจให้การขายสินค้าผ่าน Call Center และช่องทางออนไลน์ (555Shopping) นั้น อาจต้องประเมินตามสภาวะทางเศรษฐกิจและกำลังซื้ออีกครั้ง อย่างไรก็ดี หากว่าทาง DOD สามารถผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกัญชงแล้วเสร็จ บริษัทก็มีความพร้อมในการจำหน่ายทันที
*เล็งดีล M&A ต่อยอด
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนใหม่ เพื่อเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าภายในปี 2565 จะได้เห็นข้อสรุปที่ชัดเจน
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีกว่าทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเข้าไฮซีซันธุรกิจรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานรวมในปี 2564 จะมีการเติบโตที่ไม่น้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 520.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 155.35 ล้านบาท
ยอดนิยมในตอนนี้
