WFX ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 142 ล้านหุ้น เข้า SET ขยายโรงงาน คืนเงินกู้
ข่าววันนี้ บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 142 ล้านหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)
WFX จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน แบ่งเป็น จำนวนไม่เกิน 11.36 ล้านหุ้นเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-Emptive Right) และ จำนวนไม่เกิน 14,200,000 หุ้น เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ รวมถึง จำนวนประมาณ 116,440,000 หุ้น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป
โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด และชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน
WFX ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งและเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคน โดยจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้าของบริษัททั้งหมด 7 แบรนด์ ได้แก่ WORLD FLEX, THAITEX, QUALIFLEX, LT RUBBER, CHANGTHAI, PEGASUS (Blue) และ PEGASUS (China)
โดยบริษัทมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2 ช่องทาง คือ จำหน่ายสินค้าผ่านทางผู้จำหน่ายสินค้า และการจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้งานโดยตรง
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด 1 แห่งใน อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 ประมาณการกำลังการผลิตจริงเส้นด้ายยางยืดรวม 35,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ ในปี 61-63 และงวด 6 เดือนแรกของปี 64 มีอัตราการใช้กำลังการผลิต 86.07%, 88.23%, 89.41% และ 95.20%
บริษัทมีแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานการผลิตและเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืด โดยขยายพื้นที่โรงงานเดิม กำลังการผลิตรวม 12,400 ตัน แบ่งเป็น เฟสที่ 1 กำลังการผลิต 6,200 ตัน
และเฟสที่ 2 กำลังการผลิต 6,200 ตัน ซึ่งเฟสแรกคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ก.ค.65 ส่วนเฟสที่ 2 เดือน ม.ค.66 งบลงทุน 740 ล้านบาท
WFX มีทุนจดทะเบียน 464,200,000 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วจำนวน 322,200,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 322,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
หลังการเสนอขาย IPO บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเต็มมูลค่า โดยมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ TRUBB ถือหุ้น 307,999,100 หุ้น คิดเป็น 95.59% หลังเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 66.35%
สำหรับผลประกอบการปี 61-63 มีรายได้รวมจำนวน 1,860.92 ล้านบาท 2,045.11 ล้านบาท และ 2,408.66 ล้านบาท การเติบโตของรายได้มาจากการจำหน่ายสินค้าให้แก่ฐานลูกค้าเดิมในปริมาณที่มากขึ้น
ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 7.72 ล้านบาท และ 57.81 ล้านบาท โดยในปี 62 กำไรสุทธิลดลงกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง 14.95 ล้านบาท หลังจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนสูงขึ้น เป็นผลมาจากสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐและจีน
.