รีเซต

ผู้ติดเชื้อ กทม. 1 คน แพร่เชื้อ 3.4 คน คาดสิ้นเม.ย.พุ่ง 3,500 คน

ผู้ติดเชื้อ กทม. 1 คน แพร่เชื้อ 3.4 คน คาดสิ้นเม.ย.พุ่ง 3,500 คน
TNN ช่อง16
26 มีนาคม 2563 ( 15:04 )
48
ผู้ติดเชื้อ กทม. 1 คน แพร่เชื้อ 3.4 คน คาดสิ้นเม.ย.พุ่ง 3,500 คน

วันนี้ (25 มี.ค.63) นพ.อนุพงศ์ สุจริยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย วันนี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 111 ราย รวมสะสม 1,045 ราย กลับบ้านแล้ว 88 ราย อยู่รพ. 953 คน เสียชีวิต 4 ราย อาการหนัก 4 ราย โดยผู้ป่วยใหม่ นับเป็นลำดับที่ 935 - 1045 จำแนกเป็น สามกลุ่ม คือ 

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 29 รายมีรายละเอียด ดังนี้

1.1 สนามมวย 6 ราย (เป็นเซียนมวย,ค้าขาย,ข้าราชการเกษียณ พบผู้ป่วยที่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, นครราชสีมา) 

1.2 สถานบันเทิง 3 ราย(เป็นคนเที่ยว จากผับแถวรัชดา, กระบี่, อุดรธานี )

1.3 สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 19 ราย (พบผู้ป่วยที่ฉะเชิงเทรา, อุทัยธานี, ปทุมธานี, นนทบุรี, นครราชสีมา มุกดาหาร กระบี่ ยะลา กรุงเทพฯ สมุทรปราการ)

1.4 ร่วมพิธีทางศาสนาที่มาเลเซีย 1 ราย (จากปัตตานี)

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 19 คน มีรายละเอียด ดังนี้

2.1 เดินทางจากต่างประเทศ 6 ราย (เป็นคนไทย 5 ราย / ต่างชาติ 1 ราย เป็นชาวอเมริกัน)

2.2 ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 9 ราย (ทำงานในสถานบันเทิง, ขับรถสาธารณะ, พนักงานโรงแรม, พนักงานร้านนวด, พนักงานบริษัท)

2.3 บุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย เป็น พยาบาล 2 ราย และแพทย์ 1 ราย ในส่วนการติดเชื้อของบุคลกรทางการแพทย์ มาจากขั้นตอนการคัดกรองผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยมาตรวจด้วยอาการไข้หวัด โดยไม่ได้มีการแจ้งประวัติเสี่ยงการเดินทาง หรือ ประวัติการสัมผัสกลุ่มเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากยอดสะสมบุคลกรทางการแพทย์ 9 ราย ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากคนไข้ที่ทำการปกปิดข้อมูลถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่จุดคัดกรองโรค ทำให้บุคลกรทางการแพทย์ไม่ได้ระมัดระวัง และไม่ได้สวมใส่ชุดป้องกันโรค หลังจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้แพทย์ พยาบาลใส่ชุดป้องกันโรค หรือ ชุดPPE ปฏิบัติงาน ทุกขั้นตอนของการตรวจโรค เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

2.4 กลุ่มอื่นๆ ตามเกณฑ์เฝ้าระวัง อาทิ ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 1 คน

กลุ่มที่ 3 ได้รับผลจากห้องปฏิบัติการ ยืนยันพบเชื้อ อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 63 ราย ได้รับรายงานจากการคัดกรองผู้ป่วยจากภาคใต้จำนวน 27 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ร่วมงานดาวะห์

สำหรับผู้ป่วยอาการหนักมี 4 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 

นพ.อนุพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้จำนวนผู้ป่วยสะสมจำนวนเพิ่มขึ้นทะลุหลักพันแล้ว เร็วกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ทั้งหมดยังทราบประวัติที่มาที่ไป โดยกลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายเก่าที่เคยรายงานแล้ว ทั้งกลุ่มสนามมวย กลุ่มสถานบันเทิง กลุ่มกลับจากงานบุญ พบประมาณ 20-30 ราย ต่อวัน ซึ่งแสดงให้ทราบว่า ประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในเรื่อง การไม่เว้นระยะห่าง (Social Distancing) ในบ้าน ทำให้นำโรคมาแพร่ให้ แม่ พ่อ สามี ภรรยา ลูก หลาน 

ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ ยังเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่มีอาชีพเสี่ยง ทำงานในสถานที่เสี่ยง ที่ได้ขยายการเฝ้าระวัง คือ มาจากพื้นที่เสี่ยง ผู้ทำงานสัมผัสกับชาวต่างชาติ และทำงานในสถานบันเทิง พบทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด วันละประมาณ 10-20 คน แสดงถึงความตระหนักเรื่อง การป้องกันตัวเองของประชาชนยังไม่ดีพอ ยังไม่งดการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ยังไปในพื้นที่คนแออัด ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่หมั่นล้างมือ 

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ป่วยในกรุงเทพ ปริมณฑล รวมทั้งกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ พบรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความรวดเร็วของระบบคัดกรองผู้ป่วย ผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง ซึ่งเมื่อได้รับรายงานผู้ป่วยเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคในพื้นที่จะเข้าไปค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมาเข้าระบบทันที ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในกรุงเทพฯ และภาคใต้ได้ค่อนข้างสูง ค้นพบผู้ป่วยได้จำนวนมาก ในส่วนภาคอื่นๆ ยังผู้ป่วยได้ประปรายเนื่องจากประชาชนยังไม่งดการเดินทาง

ขณะที่ จุดเปลี่ยนประเทศไทย ที่ผ่านมา เคสแรกๆ ที่เกิดขึ้น เริ่มมาจากสนามมวย ช่วงวันที่ 16 มีนาคม ที่เริ่มมีผู้ป่วยจากสนามมวย และเพิ่มมาเรื่อยๆ จนวันที่ 22 มีนาคม ตัวเลขผู้ป่วยกระโดดไป 188 ราย แต่ก็มีเหตุผลอื่นร่วมด้วย เพราะก่อนหน้านี้ แพทย์จะต้องยืนยัน 2 แล็บ ฉะนั้น ที่ยอดผู้ป่วยพุ่งเพราะเป็นเคสสะสมมาก่อนหน้านี้

แต่หลังจากนั้น มีการปรับการตรวจให้เหลือแล็บเดียว ยอดผู้ป่วยก็ลดลงมา และถ้าหากประเมินจากตัวเลขแล้วเพิ่มขึ้นหลักร้อยไปจน 30 เมษายน คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 3,500 คนทั่วประเทศ แต่หากเราปฏิบัติตัวตามมาตรการต่างๆ ที่ออกมา ยอดผู้ป่วยก็จะไม่ถึง ยอมรับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โอกาสเสี่ยงมี แต่เราจะทำให้เกิดน้อยที่สุด 

นอกจากนี้ จากข้อมูลยังพบว่า กลุ่มอายุ 10-19 ปี และ อายุ 70 ปี อาจมีแนวโน้ม ติดเชื้อภายในครอบครัว เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด ผู้ป่วยติดเชื้อที่มาจากกลุ่มสนามมวย ซึ่งขณะนี้กระจายไปอยู่ตามต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม จากสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อกระจายไปหลายจังหวัดในประเทศไทย ซึ่งกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 คน ติดต่อคน 3.4 คน ส่วนที่ภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ภูเก็ต) 1 คน ติดต่อ 2.2 คน ส่วนที่อื่นๆ คือ 1 คน ติดต่อ 1.8 คน ซึ่งการแพร่เชื้อจาก 1 คน ไป 1.8-2.2 คน ถือเป็นตัวเลขปกติตามหลักวิชาการ แต่ตัวเลข 1 คน ติด 3.4 คนถือว่าสูง

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง