สัมภาษณ์พิเศษนายกฯ นิวซีแลนด์ ว่าด้วยเรื่องจีน สงครามในยูเครน โควิด และชีวิตส่วนตัว

นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ กล่าวว่า นิวซีแลนด์รับรู้มาสักระยะแล้วถึง "การแสดงออกที่เพิ่มมากขึ้น" และ "ผลประโยชน์ที่กำลังเพิ่มขึ้น" ในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน
นางอาร์เดิร์นยังได้พูดถึงความจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกับจีน ในหลาย ๆ เรื่องที่ "เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน"
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซี นายกฯ หญิงของนิวซีแลนด์ยืนยันถึงสิ่งที่เธอเรียกว่า "ความสัมพันธ์ที่พัฒนาเต็มที่" ระหว่างนิวซีแลนด์กับรัฐบาลจีน แต่ก็ยังคงแสดง "ความผิดหวัง" ที่หมู่เกาะโซโลมอนลงนามในข้อตกด้านความมั่นคงกับจีน ทำให้เกิดความกังวลว่า รัฐบาลจีนอาจจะมาตั้งฐานทัพทหารในหมู่เกาะแห่งนี้ได้
เธอกล่าวว่า ชาติสมาชิกในประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิก (Pacific Islands Forum - PIF) ได้มีข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้วภายใต้ปฏิญญา "บิกเคอทาวา" (Biketawa) ที่มุ่งหวังให้ประเทศในกลุ่มนี้ร่วมมือกันดูแลความมั่นคงของภูมิภาค
"หนึ่งในเหตุผลที่เราได้แสดงความผิดหวังในเรื่องนี้ [คือ]...ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ต่างก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อการขอสนับสนุนจากหมู่เกาะโซโลมอนในช่วงที่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อไม่นานนี้" เธอกล่าว
"และเรายังย้ำด้วยว่า ถ้ามีความจำเป็นอะไรเพิ่มเติม เราก็พร้อมที่จะช่วยเหลือและสนับสนุน ดังนั้น... มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องทำข้อตกลงเช่นนั้นกับจีน"
ยังไม่ถึงเวลาเข้าร่วม Aukus
แม้ว่าจะสงวนท่าที แต่นางอาร์เดิร์นปฏิเสธความคิดที่ว่า ถึงเวลาแล้วที่นิวซีแลนด์จะต้องเข้าร่วมกับสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ในกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคง Aukus เพื่อช่วยกันยับยั้งอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้
เธอระบุว่า เป็นเรื่องดีที่จะมีการร่วมมือกันมากขึ้น โดยเธอได้ขอให้สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคของเธอด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคงและการป้องกันภัยคุกคามเท่านั้น
"มันควรจะเป็นเรื่องสวัสดิภาพของภูมิภาคโดยรวม และคุณกำลังเริ่มที่จะเห็นการตอบรับจากทางฝั่งสหรัฐฯ แล้ว"
นิวซีแลนด์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่มีท่าทีแข็งกร้าวกับจีนให้มากกว่านี้ โดยจุดยืนของรัฐบาลนางอาร์เดิร์นคือ นิวซีแลนด์จะสร้างสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับจีนด้วยตัวเอง ซึ่งบรรดานักวิจารณ์มองว่า เป็นเพราะการพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากจีน
เมื่อไม่นานนี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก จากการยอมส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้กับจีน โดยนิวซีแลนด์ได้ส่งตัว คยอง ยัป คิม ผู้อาศัยถาวรในนิวซีแลนด์ที่ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมหญิงสาวคนหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ในปี 2009 ให้แก่ทางการจีน
แต่นางอาร์เดิร์นได้กล่าวปกป้องความสัมพันธ์ของรัฐนิวซีแลนด์กับรัฐบาลปักกิ่ง
"จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญสำหรับเราอย่างมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็เป็นไปอย่างมีวุฒิภาวะ ถ้ามีประเด็นไหนที่เราร่วมมือกันได้ เราก็จะร่วมมือ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อมีเรื่องที่เราเห็นไม่ตรงกันมากขึ้น เราก็จะแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนในจุดยืนของเรา"
"สงครามยูเครนเป็นความผิดของรัสเซียฝ่ายเดียว"
สงครามในยูเครนเป็นเรื่องหนึ่งที่นิวซีแลนด์แสดงท่าทีในระดับระหว่างประเทศ โดยได้ส่งความช่วยเหลือทั้งทางการเงินและการทหารไปให้ และยังได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียด้วย
นางอาร์เดิร์นกล่าวว่า นั่นเป็นเพราะว่าบรรดาชาติเล็ก ๆ จำเป็นต้องพึ่งพาความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ เมื่อมีการคุกคามความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ มันก็ "คุกคามทุกคน รวมถึงนิวซีแลนด์ด้วย"
แต่เธอบอกว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนสงครามนี้ให้เป็นเรื่องของสงครามอุดมการณ์ โดยเธอปฏิเสธที่จะจำกัดความขัดแย้งนี้ว่า เป็นแค่เรื่องของฝ่ายเผด็จการและฝ่ายประชาธิปไตย
"อย่าเพิ่งรีบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในโลกนี้เป็น 2 ขั้ว รัสเซียเป็นตัวการก่อเรื่องขึ้น รัสเซียคือผู้เราต้องออกมาต่อต้าน และทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ทางการทูตเพื่อให้มั่นใจว่าเรื่องนี้จะจำกัดอยู่แค่รัสเซีย
การรับมือกับโรคระบาดใหญ่
นางอาร์เดิร์นยังได้ปกป้องการรับมือกับโควิดของนิวซีแลนด์ด้วย โดยระบุว่าเป็น "มาตรการรับมือทางด้านสุขภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" ในเวลานั้น เห็นได้จากการที่ นิวซีแลนด์มีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำที่สุดชาติหนึ่งในบรรดาชาติที่พัฒนาแล้วในองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD)
แต่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของนางอาร์เดิร์น ได้วิพากษ์วิจารณ์และเรียกนโยบายของเธอว่าเป็น "ความผิดพลาด" รัฐบาลของเธอยังถูกกล่าวหาว่า "ไม่กระตือรือร้น" จากการที่ไม่สามารถนำประเทศออกจากการล็อกดาวน์ให้เร็วกว่านี้ได้
นั่นส่งผลให้การสำรวจความคิดเห็นประชาชนโดยหลายสำนักเมื่อไม่นานนี้พบว่า คะแนนนิยมในตัวเธอตกลงต่ำสุดนับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้ง
นางอาร์เดิร์นรู้สึกตกใจ โดยบอกว่า คะแนนนิยมที่ต่ำที่สุดอาจจะเป็นราคาที่เธอต้องจ่ายในการทำให้นิวซีแลนด์ปลอดภัย "ในการทำให้มั่นใจว่า เราได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง เพื่อที่เราจะนอนหลับลงได้โดยไม่กังวล"
"ฉันแค่เป็นตัวเอง"
รูปแบบการเป็นผู้นำของนางอาร์เดิร์น ตกเป็นเรื่องที่ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอด ผู้ที่นิยมชมชอบเธอบอกว่า เธอเป็นคนจริง เป็นคนที่มีความเข้าอกเข้าใจ อย่างที่นักการเมืองคนหนึ่งควรจะเป็นและทำได้ แต่ผู้ที่ต่อต้านเธอบอกว่า เธอได้แต่พูด แต่ไม่ลงมือทำ มีแต่ลีลามากกว่าเนื้อหาสาระที่จับต้องได้ และเธอก็ยังไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้
ผู้นำนิวซีแลนด์เป็นคนที่เปิดเผย ตรงไปตรงมาอย่างชัดเจน
"ฉันแค่เป็นตัวเอง" เธอกล่าว "ฉันอยากจะใช้ความสามารถของฉันให้มากที่สุด เป็นแบบอย่างของนิสัยที่ฉันคิดว่า มีความสำคัญในการสอนลูกสาวของตัวเอง...อย่างความเอื้อเฟื้อ และรู้คุณคน"
เธอบอกว่าลักษณะความเป็นผู้นำแบบใหม่หลายอย่างกำลังถูกสร้างขึ้น อย่างเช่นการที่ไม่มองความเอื้อเฟื้อเป็นความอ่อนแอ หรือความเห็นอกเห็นใจคือ การเข้าใจว่า การตัดสินใจต่าง ๆ นั้น ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร
เรื่องลั่นระฆังวิวาห์ล่ะ
การที่ผู้นำโลกยุ่งอยู่กับการระบาดใหญ่ของโควิด ทำให้เธอต้องเลื่อนการแต่งงานของเธอออกไป
นางอาร์เดิร์น ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับแรงกดดันของการมีชีวิตสาธารณะ
"การเดินทางได้อีกครั้ง ไม่ได้หมายความว่า มีเวลาในการวางแผนแต่งงาน" เธอกล่าว "เพราะฉะนั้น ยังไม่มีการกำหนดวัน แค่มีความตั้งใจ และนั่นฉันคิดว่า เมื่อคุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มีลูกด้วยกัน แค่ความตั้งใจก็เพียงพอแล้ว"