เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส คาดแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ตามตลาดหุ้นโลกและภูมิภาค โดยให้จับตาแนวรับ Low เดิมบริเวณ 1,250+- จุด หากยังไม่หลุดต่ำกว่า ยังมีโอกาสรีบาวด์ระยะสั้น
ภาพรวมตลาดขาดปัจจัยใหม่โดยต่างประเทศยังคงรอติดตามผลการประชุม Fed คืนวันพุธ ซึ่งค่อนข้างแน่นอนว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลง 25 bps สู่ระดับ 3.50-3.75% แต่โฟกัสหลักอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธาน Fed และ Dot Plot ว่าจะส่งสัญญาณถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในปีหน้าอย่างไร โดยเฉพาะจำนวนครั้งในการปรับลดดอกเบี้ย เทียบกับคาดการณ์ของตลาดปัจจุบันที่มองปรับลด 2-3 ครั้งในปี 2026 ล่าสุด Bond Yield ของประเทศหลักๆอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยังไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจำกัดการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น
ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามครม.เคาะโครงการ TISA โดยสำหรับการออมและลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ส่วนพรุ่งนี้สภาจะเปิดประชุมพิจารณาร่างแก้ไจรัฐธรรมนูญวาระ 2 ซึ่งหากไม่ได้ข้อสรุป อาจมีความเสี่ยงที่จะเห็นการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนกำหนดเดิมสิ้นเดือน ม.ค. ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนเข้าสู่โหมดระมัดระวังและ Wait and See รอดูผลการเลือกตั้ง ส่วนประเด็นสงครามไทย-กัมพูชาคาดยังส่งผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนในภาพรวม
กลยุทธ์ เลือกลงทุนในหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q25-1H26 ที่ยังแข็งแกร่งและ Deep Valuation
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BDMS, BTG, CBG, MAGURO, WHAUP
FSSIA Portfolio : BA, BDMS, BTG, CBG, CENTEL, CPALL, KTB, MTC, WHAUP
หุ้นเด่นวันนี้ : WHAUP
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท
• ธุรกิจขายน้ำน้ำให้กับกลุ่มธุรกิจ Data Centre ในนิคมอุตสาหกรรม WHA ยังมีแนวโน้มเป็นบวก ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมกับ Data Centre แห่งหนึ่งแล้วประมาณ 28 ล้านลูกบาศ์กเมตร และคาดจะมีรายได้ตามสัญญาปีละ 600-700 ลบ. และยังอยู่ระหว่างการทำสัญญาซื้อขายน้ำกับ Data Centre อีกหนึ่งแห่งราว 17-29 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการจัดสรรน้ำส่วนเกินปี 2025 จะมีต่อเนื่องไปอีก 2 ปีข้างหน้า
• ดังนั้นจึงมี upside จากประมาณการของเรา โดยเราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการใหม่ ปัจจุบันคาดกำไรสุทธิปี 2025 +21% y-y และปีหน้า +28%
• แนวรับ 4.54//4.40 บาท แนวต้าน 4.80//5 บาท
ด้าน บล.ดาโอ คาดตลาดผันผวนสูงและมีโอกาสปรับตัวลงจากแรงกดดันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีความตึงเครียดมากขึ้น หลังมีการใช้ปฏิบัติการทางอากาศ (F-16) ตอบโต้ ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงและอาจนำไปสู่ความกังวลเรื่องการสู้รบที่ยืดเยื้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศเรื่องกระแสข่าวการยุบสภาฯ ที่อาจเกิดขึ้นก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการประชุม ครม. วันนี้ ที่คาดว่าจะมีการพิจารณามาตรการ TISA เพื่อกระตุ้นตลาดทุน ทั้งนี้ หากดัชนีฯ หลุดระดับ 1250 จุด จะเป็นสัญญาณลบทางเทคนิคที่ต้องระวัง
ปัจจัยในประเทศ
- ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา : การปะทะทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้น ไทยประกาศการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบิน F-16 เพื่อป้องกันตนเอง หลังกัมพูชาโจมตีอย่างต่อเนื่อง นายกฯ แถลงพร้อมปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณีตามความจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน และจะไม่มีการเจรจาอีกต่อไป …. ความรุนแรงนี้จะมีผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นที่มีธุรกิจอยู่ในกัมพูชา
- การเมืองไทย: พรุ่งนี้ จะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. นี้ ติดตามท่าทีรัฐบาลต่อการชิงยุบสภาฯ ก่อนเปิดการประชุมสมัยสามัญ 12 ธ.ค. …. เราประเมินว่า หากมีสัญญาณอภิปราย บน ม.152 หรือไม่ยื่นขออภิปราย จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นมากกว่า
- TISA: โครงการ TISA (Thailand Individual Saving Account) เสนอเข้าครม. วันนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ "Quick Big Win" ส่งเสริมการออมให้กับประชาชน พร้อมลดหย่อนภาษี จูงใจรายย่อยเข้ามาลงทุนมากขึ้น …. หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการ ได้แก่ หุ้นผลประกอบการดี หุ้นปันผล โดยเฉพาะหุ้นธนาคาร ที่จ่ายปันผลสูง
- Fund Flow/เงินบาท: วานนี้ 8 ธ.ค. นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ ในตลาดหุ้นไทย (SET+MAI) 1,008.48 ล้านบาท สำหรับข้อมูลในตลาดตราสารหนี้ เป็นซื้อสุทธิ 106 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทปิด ที่ระดับ 31.86 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยต่างประเทศ
- การประชุม FOMC: ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มประชุมวันแรก (9-10 ธ.ค.) ความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยยังคงสูงกว่า 85% ที่จะปรับลด 0.25% สู่ระดับ 3.75% แม้ Bond Yield สหรัฐฯ จะวิ่งสวนสวนทาง (4.146%) แสดงว่าตลาดยังคงมีความลังเลกับผลการประชุม FOMC
- ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์:นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ได้ออกมาขานรับยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมอสโก และหวังว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือในการแก้ปัญหายูเครน … เป็นข่าวดี แต่การปฎิบัติการทางทหารของทั้งสองฝ่าย ทำให้นักลงทุนมองว่า่ยังมีความเสี่ยงอยู่ (ดีต่อราคาทองคำ)
- ผู้นำระดับสูงของจีน (China Politburo ) กำหนดให้ "การเสริมสร้างอุปสงค์ในประเทศ" เป็นลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจสูงสุดสำหรับปี 2026 โดยเน้นการสร้างตลาดในประเทศที่แข็งแกร่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากภายนอก
- ทรัมป์กำลังเสนอแพ็คเกจช่วยเหลือมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้าของเขากับจีนและอาจกล่าวได้ว่าอาจเก็บภาษีสินค้าเกษตรเพิ่มเติมและปุ๋ยจากแคนาดาและข้าวจากอินเดียที่สัญญาณล่าสุดว่าการเจรจาการค้ากับระบบหลักของประเทศยังยืดเยื้อ
- NVIDIA+AI: ข่าวว่ารัฐบาลทรัมป์อาจยอมให้ Nvidia ขาย H200 ให้จีนได้ ถือเป็น “ชัยชนะด้าน lobbying” ที่อาจดันรายได้กลับคืน แต่ก็เพิ่มความซับซ้อนของนโยบายควบคุมเทคโนโลยีสหรัฐ-จีน
ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,245-1,255 จุด แนวต้าน 1,265-1,275 ภาพรวมดัชนีย่อตัวจากแรงขายหุ้นใหญ่ ทยอยซื้อกลุ่ม Defensive สื่อสาร-ร.พ. ADVANC, TRUE, BDMS หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.SAWAD, MTC, CPALL, ERW, MINT, CENTEL
TACC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.45 บาท) งวด 3Q68 รายงานกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท +14%QoQ, +48%YoY มีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนการขยายสาขาของ 7-11 และร้านกาแฟพันธ์ไทย ด้าน GPM ทรงตัวในระดับ 32% แม้ต้นทุนเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น QoQ เช่นเดียวกับ SG&A ที่ทรงตัวได้สะท้อนการบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี แนวโน้ม 4Q68 คาดรายได้และกำไรเร่งขึ้นตาม seasonal ส่วนในปี 69 ตั้งเป้ารายได้โต 10-15%YoY ตามจำนวนร้านกาแฟพันธ์ไทยที่เร่งขยายสาขา ส่วน 7-11 จะเน้นเพิ่มสินค้าใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อขยายฐานลูกค้า คาดรักษา GPM 32% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 310 ล้านบาท +26%YoY และ 334 ล้านบาท +8%YoY valuation ปัจจุบัน PER ราว 10 เท่า Div.Yield 9-10%
GLOBAL* (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.90 บาท) ระยะสั้นคาดได้ Demand การซ่อมแซมหลังน้ำท่วม ด้านกำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 392 ลบ.(+8%YoY,-25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล ส่วน YoY สามารถเป็นบวกได้แม้ SSSG -0.89%YoY แต่ชดเชยด้วยสาขาใหม่และการเพิ่มยอดสินค้าHouse Brand(ส่งผลบวกต่อ GPM) ทั้งนี้ ในส่วนของภาพการดำเนินงานปกติ 4Q68-1Q69 คาดว่า QoQ มีโอกาสบวกได้ตามฤดูกาล ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิในปี68 และ69 ของ GLOBAL* จะอยู่ที่ 2,048 ลบ.(-14%YoY) และ 2,267 ลบ.(+11%YoY)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
