AHจับมือค่ายรถยนต์MG ตอกย้ำรถอีวีฮิตรายได้ฟู

ทันหุ้น –ผู้บริหาร AH ประกาศลุยจำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย มองเติบโตสูง ระบุปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวชัดเจน มั่นใจไตรมาส 2/2564 โตต่อ  รับทรัพย์ลูกค้าทยอยปรับการผลิตเป็นรถยนต์ EV มั่นใจมีความพร้อมทุกด้าน ย้ำรายได้ปีนี้โต 20% ตลาดต่างประเทศหนุน โบรกมองกำไรเด่นสุดในกลุ่ม เชื่อเติบโตดีทุกไตรมาส ปรับเป้าหมายเป็น 30 บาท

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เปิดเผยว่า  คาดผลประกอบการไตรมาส 2/2564 จะโตต่อเนื่อง จากไตรมาส 1/2564 ที่มีรายได้รวม 5,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% และมีกำไรสุทธิ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการเติบโตจะมาจากการส่งมอบออเดอร์และอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้ทั้งปียังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ 20%จากปีก่อนที่มีรายได้ 17,832 ล้านบาท

“ภาพรวมทุกอย่างดีขึ้นต่อเนื่อง ชิ้นส่วนยานยนต์ก็ดีขึ้น ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส2จะดีต่อเนื่อง เพราะยังไม่เห็นปัจจัยลบที่จะมากระทบ คำสั่งซื้อก็ยังดี และในอนาคตการมียานยนต์ไฟฟ้าก็จะช่วยผลักดันออเดอร์ด้วย เพราะบริษัทยังสามารถผลิตชิ้นส่วนได้เหมือนเดิม และมีความพร้อมในไลน์การผลิต ชิ้นส่วนในรถยนต์ส่วนใหญ่ยังคล้ายคลึงกัน แต่ก็มองว่าการใช้งานในระยะนี้อาจจะไม่สูงมากนัก คงต้องใช้ระยะเวลา กว่าจะเกิดการใช้งานและการผลิตอย่างแพร่หลายมากขึ้น” นายเย็บ ซู ชวน กล่าว

*ตัวแทนขายรถยนต์ MG

พร้อมกันนี้ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มียอดขายเติบโตขึ้น ล่าสุดบริษัทได้มีการตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็มจี เอเบิล มอเตอร์ จำกัด เพื่อจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี (MG) โดยบริษัทเชื่อว่าจะมียอดขายที่ดี เห็นได้จากที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ MG เติบโตขึ้นต่อเนื่อง แม้มีสถานการณ์โควิดก็ยังเห็นอัตราการเติบโต

ปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ 2 ยี่ห้อคือ ฟอร์ดและมิซซูบิชิ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 35%คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามยอดขายทีดีส่วนงบการลงทุนบริษัทตั้งไว้ต่อปีที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันปีนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นลดต้นทุน และการเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทและบริษัทในเครือฯรวมถึงบริษัทย่อยในประเทศโปรตุเกส ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 12.08% ส่วนอัตราส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 6.16% ในช่วงไตรมาส 1/2563 เป็น 7.16% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะยังรักษาระดับดังกล่าวไว้ให้ใกล้เคียงไตรมาส1/2564 ได้

*กำไรเด่นสุดในกลุ่ม

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง AH ว่า กำไรปกติของไตรมาส 1/2564 คิดเป็นสัดส่วน 44% ของประมาณการกำไรเดิม แม้คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2564 ชะลอตัวลงตามฤดูกาล ก่อนจะเร่งตัวในครึ่งปีหลัง 2564 และดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนด้วย ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดผลิตรถยนต์ทั้งไนไทย โปรตุเกส และจีน ยังได้รับแรงส่งจากการพลิกกลับมาขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เพื่อสะท้อนภาพดังกล่าว

ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2564-2565 เฉลี่ย 34%และปรับยอดขายเพิ่ม8.5% ทำให้คาดว่ายอดขายปี 2564 เท่ากับ 1.97 หมื่นล้านบาท และปี 2565 เท่ากับ 2.17 หมื่นล้านบาท ส่วนกำปกติปี 2564 อยู่ที่ 960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อน และเติบโตต่อ 14% เป็น 1 พันล้านบาท ในปี 2565 ทำให้ปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 30 บาท จากเดิม 20 บาท มองว่าแนวโน้มกำไรจะเติบโตเด่นสุดในกลุ่ม จึงปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิม Switch