ATP30 ลุยรถบัสอีวี มาร์จิ้นดีคืนทุนเร็ว

#ATP30 #ทันหุ้น - ATP30 เร่งเครื่องให้บริการรถโดยสารไฟฟ้า หลังกระแสตอบรับดี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ชี้ต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่มาร์จิ้นดีกว่ารถสันดาปเฉลี่ย 20% คืนทุนเร็วภายใน 3 ปี ตั้งเป้าขยายพอร์ต 17 คันต้นปีหน้า
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ โดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทเดินหน้าต่อยอดธุรกิจการให้บริการรถโดยสารไฟฟ้า (EV Bus) หลังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าองค์กร โดยเริ่มให้บริการแล้วกับลูกค้า 2-3 ราย ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัย แม้ยังไม่ได้นำไปใช้สร้างคาร์บอนเครดิตโดยตรง แต่ถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์จริงจังด้านสิ่งแวดล้อม
@ มาร์จิ้นสูง 25-30%
ATP30 ระบุว่า บริการรถ EV มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ที่ 25-30% สูงกว่ารถสันดาปที่เฉลี่ยราว 20% แม้ต้นทุนลงทุนเริ่มต้นของรถ EV สูงกว่า แต่ด้วยมาร์จิ้นที่ดีกว่า ทำให้คืนทุนได้เร็ว ราว 3 ปีเศษ เทียบกับรถดีเซลที่ใช้เวลาเกือบ 4 ปีครึ่ง ขณะเดียวกันรูปแบบบริการเป็นลักษณะรับ-ส่งแบบครบวงจร โดย ATP30 เป็นผู้ดูแลทั้งตัวรถ คนขับ และค่าไฟเอง
สำหรับปัจจุบันตลาดองค์กรให้ความสนใจรถ EV อย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกฎหมาย CBAM และนโยบายจากบริษัทแม่ ATP30 จึงมุ่งจับลูกค้าที่มี Commitment ชัดเจน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังจับตาความเสี่ยงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เนื่องจากแม้รับประกัน 5 ปี แต่จากการใช้งานเชิงพาณิชย์อาจถึงขีดจำกัดใน 3 ปี
ATP30 ยืนยันไม่มีปัญหาด้านเงินลงทุน เนื่องจากมีวงเงิน Leasing รองรับ ปัจจุบันมีรถบัสสันดาปกว่า 300 คัน เป็นรถบัส EV ที่ให้บริการแล้ว 13 คัน และอยู่ระหว่างรับเพิ่มอีก 17 คัน รวมเป็น 30 คัน ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า จะทำให้สัดส่วนรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นราว 10%
@ ติดตั้งสถานีชาร์จ
ด้านสถานีชาร์จ ATP30 ติดตั้งบางส่วนที่สำนักงาน และใช้สถานีสาธารณะร่วมด้วย แม้ยังมีความท้าทายเรื่องอายุแบตเตอรี แต่บริษัทมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งมีโอกาสได้ประโยชน์จากต้นทุนแบตเตอรีที่ลดลงในอนาคต
“โมเดลธุรกิจรถอีวี มุ่งให้บริการแก่ลูกค้าที่มีการใช้งานต่อวันสูง แม้ราคาค่าบริการจะสูงกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย แต่ด้วยต้นทุนพลังงานต่ำและค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า รถอีวีจึงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปีเศษ แต่แม้อายุการใช้งานของรถ EV ยังไม่แน่นอนเท่ารถน้ำมัน แต่แบตเตอรี ซึ่งเป็นต้นทุนหลักมีการรับประกันขั้นต่ำ 8 ปี จึงช่วยลดความเสี่ยงการลงทุน และเพิ่มความมั่นใจให้กับบริษัทในการขยายกองรถ” นายปิยะ กล่าว
สำหรับรถบัส EV ที่บริษัทนำมาใช้แบ่งเป็น 2 แหล่งที่มา ได้แก่ รถจากบริษัท Nex Point (ชิ้นส่วนนำเข้าจากจีน) และอีกส่วนคือนำเข้าชิ้นส่วนหลักจากจีน มาออกแบบพร้อมประกอบร่วมกับพันธมิตรในประเทศ คือ บริษัท โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด และผู้ผลิตตัวถังในไทย ซึ่งสามารถช่วยให้ต้นทุนสามารถแข่งขันได้และถูกกว่านำเข้าทั้งคัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
