แจ้งเตือนล่าสุด! "น้ำแม่น้ำป่าสัก" สูงขึ้นคาดจะล้นตลิ่ง ให้ยกของขึ้นที่สูง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำป่าสักที่ จ.เพชรบูรณ์ พบว่าระดับน้ำแม่นํ้าป่าสัก บริเวณท้ายนํ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจะล้นตลิ่ง ส่งผลกระทบพื้นที่ริมน้ำ/ที่ลุ่มต่ำ อ.หล่มสัก (ต.ปากดุก ต.ลานบ่า ต.ห้วยไร่) ในวันที่ 2 ก.ย.68 เวลาประมาณ 11.00 น. และ อ.เมืองฯ (ต.ท่าพล ต.ดงมูลเหล็ก ต.สะเดียง เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์)
ส่งผลกระทบในวันที่ 2 ก.ย.68 เวลาประมาณ 16.00น. ให้ผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงข้างต้น ยกของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถไปในที่สูง เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง ติดตามข่าวสารราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
สถานการณ์อุทกภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก รวม 10 อำเภอ 27 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,979 ครัวเรือน 11,875 คน
ทั้งนี้ ยังคงมีผู้สูญหายที่อยู่ระหว่างการค้นหา จำนวน 3 ราย และจากอิทธิพลของพายุ “หนองฟ้า” ทำให้มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ลำพูน ตาก ขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู และจังหวัดชุมพร รวม 25 อำเภอ 82 ตำบล 250 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,038 ครัวเรือน 35,505 คน และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายด้านต่าง ๆ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 ก.ย. 68 เวลา 06.00 น.)
การแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast
ปภ. ได้ทำการส่งแจ้งเตือนพายุ “คาจิกิ” และสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม (ในห้วงตั้งแต่วันที่ 24 - 28 สิงหาคม 2568) รวม 29 ครั้ง ในพื้นที่เสี่ยง รวม 52 จังหวัด และส่งแจ้งเตือนพายุ “หนองฟ้า”
สถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม (ในห้วงตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 - 1 กันยายน 2568) รวม 30 ครั้ง ในพื้นที่เสี่ยงรวม 29 จังหวัด ทำให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ รวม 103 หน่วย อาทิ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกติดตั้ง เครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุกน้ำ เครื่องยนต์เรือพร้อมอุปกรณ์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
พร้อมทั้ง ได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA – 32 จำนวน 1 ลำ ประจำการในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์ ทำการการแจ้งเตือนภัย ตลอดจนการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ประสบภัยอย่างครอบคลุมในทุกมิติ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ และวางแผนแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้เป็นไปตามข้อสั่งการ มท.1 และ มท.2 เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงสามารถให้ประชาชนกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
