CPF เตรียมออกหุ้นกู้ฯ เสนอขายมิ.ย. อายุ 4 - 15 ปี จ่ายดอกบี้ยทุก 6 เดือน ผลตอบแทนระหว่าง 2.80-4.00% ต่อปี
กรุงเทพฯ 27 เมษายน 2563 : บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ แจ้งว่า บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ฯ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป รวมถึงผู้ลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้ฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งที่ระดับ A+ สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ โดยจัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และจัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารออมสิน มีแผนจัดจำหน่ายในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้
นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างยื่นข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ฯ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป รวมทั้งผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 2.80 – 3.00% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.30 – 3.40% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.65 – 3.75% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.80 – 4.00% ต่อปี หุ้นกู้ทั้งหมดมีกำหนดชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน โดยหุ้นกู้อายุ 4 ปี และ 7 ปี เป็นรุ่นที่จำหน่ายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนของหุ้นกู้แต่ละชุดจะมีการกำหนดและแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
นายไพศาล กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ฯ ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้ประกอบธุรกิจทั่วไป และ/หรือเพื่อขยายธุรกิจ และ/หรือการลงทุนของกลุ่มซีพีเอฟ และ/หรือเพื่อ refinance หุ้นกู้และตั๋วแลกเงินบางส่วนที่ครบกำหนดในปีนี้ คาดว่าน่าจะเสนอขายในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ โดยหุ้นกู้ฯ ดังกล่าวที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่ระดับ A+
ทั้งนี้ทริสเรทติ้งได้ประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยมีมุมมองว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ จะอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น โดยคาดว่ารายได้จากยอดขายอาหารแช่แข็งจะเพิ่มขึ้นและจะช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงจากธุรกิจร้านอาหารได้บางส่วน และทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทฯ จะได้รับอานิสงส์จากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้นในประเทศเวียดนามและภูมิภาคในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ อุปสงค์ของไก่ส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีนจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่ผ่านมาไม่นานนี้คือการซื้อกิจการของ Hylife ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจหมูแปรรูปคุณภาพสูงในประเทศแคนาดาอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ฯ “ซีพีเอฟ” จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ ซีพีเอฟ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่ผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับ ซีพีเอฟ