“ดัชนีการเมืองไทย” ต่ำสุดรอบ 20 เดือน ปชช.เครียดการเมือง - เศรษฐกิจ

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย เดือนสิงหาคม 2568” จากกลุ่มตัวอย่าง 2,208 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 25–29 สิงหาคม 2568 พบว่าคะแนนเฉลี่ยภาพรวมอยู่ที่ 3.71 คะแนน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมที่ 3.86 คะแนน ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนที่ผ่านมา

ผลงานฝ่ายค้านเด่นสุด ขณะที่รัฐบาล - นายกฯ รั้งท้าย

เมื่อพิจารณาตัวชี้วัด 25 ประเด็น พบว่า ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ผลงานของฝ่ายค้าน อยู่ที่ 4.59 คะแนน สะท้อนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อบทบาทตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยผลงานฝ่ายค้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “ตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส” (50.42%)

ในทางตรงกันข้าม ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือ ผลงานของนายกรัฐมนตรี เฉลี่ยเพียง 3.18 คะแนน และผลงานรัฐบาลโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน แม้จะมีมาตรการที่ประชาชนชื่นชอบอย่าง “โอนเงินช่วยชาวนา” (40.90%) แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่น

ใครโดดเด่นในสายตาประชาชน

สำหรับนักการเมืองที่ถูกมองว่ามีบทบาทโดดเด่นที่สุดในเดือนสิงหาคม ฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้รับคะแนนร้อยละ 38.16 ขณะที่ฝ่ายค้านมีความโดดเด่นชัดเจนกว่า โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้รับคะแนนสูงถึงร้อยละ 51.15

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยที่ตกต่ำ สะท้อนความรู้สึก “เครียดการเมือง” และ “เครียดเงินในกระเป๋า” ของประชาชน ที่เกิดจากคดีการเมือง ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท รวมถึงปัญหาค่าครองชีพที่รุนแรงขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลลดลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่อาจารย์ ภิญโญ คูวัฒนาเสนีย์ ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ชี้ว่า ใน 25 ตัวชี้วัด มีเพียง “ผลงานฝ่ายค้าน” ที่ได้คะแนนเพิ่มขึ้น ส่วนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีกลับอยู่ในสองลำดับสุดท้าย ทั้งที่เดือนสิงหาคมมีโอกาสมากในการแสดงผลงานจากประเด็นเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถสร้างความโดดเด่นหรือความเชื่อมั่นจากประชาชนได้

สะท้อนภาพการเมืองไทยวันนี้

ผลสำรวจครั้งนี้จึงสะท้อนว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยยังอยู่ในระดับต่ำและลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฝ่ายค้านกลับได้รับการยอมรับมากขึ้นในบทบาทตรวจสอบ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งพิสูจน์ศักยภาพและแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนก่อนที่ดัชนีการเมืองจะถดถอยไปมากกว่านี้