รีเซต

ปภ.เผย 13 จว.เดือนร้อนหนักน้ำยังท่วมขัง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ปภ.เผย 13 จว.เดือนร้อนหนักน้ำยังท่วมขัง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย
TNN ช่อง16
24 ตุลาคม 2563 ( 15:15 )
237
ปภ.เผย 13 จว.เดือนร้อนหนักน้ำยังท่วมขัง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันนี้ (24ต.ค.63) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (24 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 34 จังหวัด ได้แก่

อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 133 อำเภอ 495 ตำบล 2,146 หมู่บ้าน

ประชาชนได้รับผลกระทบ 65,022 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย (จันทบุรี ตรัง สุราษฎร์ธานี และปราจีนบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) แยกเป็น พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 32 จังหวัด รวม 120 อำเภอ 478 ตำบล 2,122 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 64,973 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 4 รายในจังหวัดจันทบุรี ตรัง สุราษฎร์ธานี และปราจีนบุรี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 19 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมขัง 13 จังหวัด ดังนี้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี แม่น้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี ประชาชนได้รับผลกระทบ 13 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง

นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ 57 ตำบล 216 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่  9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอปักธงชัย อำเภอโชคชัย อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอพิมาย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอด่านขุดทด ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว สุรินทร์ น้ำในลำน้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 6 อำเภอ 14 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 256 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอชุมพลบุรี ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอกบินทร์บุรี รวม 13 ตำบล 78 หมู่บ้าน

ประชาชนได้รับผลกระทบ 942 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว สระแก้ว น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ 29 ตำบล 112 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,907 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภออรัญประเทศ และอำเภอโคกสูง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ชลบุรี น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ 18 ตำบล 83 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 577 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ฉะเชิงเทรา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 69 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแปลงยาว และอำเภอคลองเขื่อน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่

สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ 13 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,281 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเคียนซา และอำเภอพุนพิน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว นครศรีธรรมราช น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ 7 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 483 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอช้างกลาง ระดับน้ำลดลง

ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 8 อำเภอ 47 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 617 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในอำเภอสว่างอารมณ์ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ชัยนาท น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 12 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 60 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหันคา และอำเภอเนินขาม ปัจจุบันระดับน้ำลดลง นครปฐม น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกำแพงแสน อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอบางเลน อำเภอดอนตูม อำเภอพุทธมณฑล อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี รวม 70 ตำบล 462 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง

สุพรรณบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามชุก อำเภอสองพี่น้อง อำเภอหนองหญ้าไซ อำเภอดอนเจดีย์ อำเภออู่ทอง อำเภอเดิมบางนางบวช และอำเภอเมืองสุพรรณบุรีรวม 41 ตำบล 277 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,535 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท กาญจนบุรี พังงา และสิงห์บุรี รวม 9 อำเภอ 12 ตำบล 21 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 62 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 5 อำเภอ 6 ตำบล 6 หมู่บ้าน

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ

สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว

สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป


เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com 
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live 
twitter : TNNONLINE 
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE 
Instagram : TNN_ONLINE 
TIKTOK : @TNNONLINE

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง