“ทรัมป์” เผยอาจต้องยกเลิกดีลทั่วโลก หากแพ้คดีภาษี เตือนสหรัฐฯรับผลกระทบหนัก

"ทรัมป์" ชี้อาจต้องยกเลิกข้อตกลงการค้ากับทั่วโลก หากแพ้คดีภาษีต่อศาลฎีกา พร้อมเตือนสหรัฐฯรับผลกระทบสาหัส
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหรัฐฯอาจต้องยกเลิกข้อตกลงการค้าที่ทำกับสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ หากแพ้คดีภาษีศุลกากรต่อศาลฎีกา และเตือนว่าการแพ้คดีดังกล่าวนี้จะส่งผลทำให้สหรัฐฯได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัส
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลจะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้กลับคำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งวินิจฉัยว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการของเขานั้นผิดกฎหมาย เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ประธานาธิบดี แต่อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็ยังคงมั่นใจว่าในท้ายที่สุดเมื่อไปถึงศาลสูงรัฐบาลของเขาจะชนะคดีนี้ได้
ทรัมป์กล่าวว่า เราทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรป ซึ่งพวกเขาจ่ายเงินให้เราเกือบล้านล้านดอลลาร์ แล้วรู้ไหม? พวกเขามีความสุข สำเร็จแล้ว ข้อตกลงเหล่านี้เสร็จสิ้นหมดแล้ว แต่ผมคิดว่าเราคงต้องยกเลิกข้อตกลงเหล่านี้
อย่างไรก็ตามการออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกของทรัมป์ที่ระบุโดยเฉพาะเจาะจงว่า ข้อตกลงการค้าที่มีการบรรลุแล้วกับหุ้นส่วนทางการค้ารายใหญ่ ซึ่งเจรจาแยกกันนอกเหนือจากภาษีศุลกากร อาจถือเป็นโมฆะได้ หากศาลฎีกายังคงตัดสินว่าทรัมป์ขึ้นภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่า ประเทศของเรามีโอกาสที่จะร่ำรวยอย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้ง แต่ก็อาจยากจนอย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้งเช่นกัน หากเราไม่ชนะคดีนี้ ประเทศของเราจะได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัส เนื่องจากการยกเลิกภาษีศุลกากรจะมีค่าใช้จ่ายสูง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าจะระบุว่าภาษีศุลกากรนั้นชำระโดยผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ไม่ใช่บริษัทในประเทศต้นทาง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าภาษีศุลกากรมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้ากล่าวว่า ความเห็นของทรัมป์ที่ออกมาเตือนเกี่ยวกับต้นทุนของการยกเลิกภาษีศุลกากรนั้นมีจุดประสงค์ เพื่อโน้มน้าวศาลฎีกาว่าการยกเลิกภาษีศุลกากรจะก่อให้เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ทั้งนี้คำตัดสินของศาลอุทธรณ์กล่าวถึงความชอบด้วยกฎหมายของสิ่งที่ทรัมป์เรียกว่าภาษีศุลกากรแบบ “ต่างตอบแทน” โดยอ้างเป็นภาวะฉุกเฉินของประเทศ ซึ่งมีการประกาศบังคับใช้ครั้งแรกในฐานะส่วนหนึ่งของสงครามการค้า เมื่อเดือนเมษายน 2568 รวมถึงภาษีศุลกากรชุดหนึ่งที่บังคับใช้กับจีน แคนาดา และเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แต่คำตัดสินนี้ไม่มีผลกระทบต่อภาษีศุลกากรที่ออกภายใต้อำนาจทางกฎหมายอื่นๆ เช่น ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการค้า "Ryan Majerus" อดีตเจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นหุ้นส่วนของบริษัทกฎหมาย "King & Spaldingไ กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่าข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรปและหุ้นส่วนการค้าอื่นๆ เป็นเพียงข้อตกลงกรอบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่ข้อตกลงการค้าแบบสมบูรณ์ การประกาศของประธานาธิบดีในวันนี้ว่าข้อตกลงอาจยุติลงได้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการเพิ่มอำนาจต่อรองสูงสุดในฝั่งสหรัฐฯ
นอกจากนี้การที่ผู้พิพากษาที่ได้รับการแต่งตั้งจากพรรครีพับลิกัน 6 ต่อ 3 เสียงในศาลฎีกา อาจช่วยเพิ่มโอกาสที่ทรัมป์จะคงภาษีศุลกากรอย่างน้อยบางส่วนไว้ได้เล็กน้อย หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 4 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าวผิดกฎหมาย แต่พวกเขาบอกว่าเป็นการยากที่จะคาดเดาได้อย่างแน่ชัดว่าศาลจะทำอย่างไร เนื่องจากมีคำตัดสินในคดีที่ผ่านมาและลักษณะการท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน