เงินบาทเช้านี้ 23 พ.ค. เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.87 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 32.87 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.75 - 33.00 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยภายในประเทศที่กดดันเงินบาท
เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงบ่ายวานนี้ หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความเห็นว่า ระดับค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 36–37 บาทต่อดอลลาร์ สร้างแรงกดดันต่อทิศทางค่าเงินในระยะสั้น แม้ว่าแรงกดดันดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลให้ค่าเงินทะลุแนวต้าน 33.00 บาท/ดอลลาร์ได้ก็ตาม
ภาวะตลาดโลกและดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวแข็งค่าขึ้น หลังรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมออกมาดีกว่าคาด ซึ่งสวนทางกับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอกว่า ทำให้ดัชนีดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นสู่ระดับ 99.8 จุด อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของดอลลาร์ยังถูกจำกัดจากการย่อตัวของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ จากระดับ 4.60% ลงสู่ 4.53%
ความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินและตลาดทุน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงระมัดระวัง หลังสภาผู้แทนฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณและภาษี ซึ่งสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพการคลัง ดัชนี S&P500 ปิดลบเล็กน้อยที่ -0.04% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากหุ้นเทคโนโลยีและรายงาน PMI ที่ต่ำกว่าคาด ดัชนี STOXX600 ลดลง -0.64%
แนวโน้มราคาทองคำ
แม้จะเผชิญแรงขายทำกำไร แต่ราคาทองคำยังคงทรงตัวเหนือ $3,330 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวของดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดยังคงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ทำให้ราคาทองคำยังไม่หลุดแนวรับสำคัญ
ปัจจัยที่ตลาดรอติดตาม
ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ตลาดจับตา:
- รายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษ (Retail Sales) เดือนเมษายน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
- ข้อมูลตลาดบ้านของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งอาจส่งสัญญาณเพิ่มเติมต่อการลดดอกเบี้ยในปีนี้ (ตลาดคาดลด 2 ครั้ง)
- ความคืบหน้าสถานการณ์ในตะวันออกกลาง การเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน และการค้าสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า
แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้น
เงินบาทยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ที่ระดับ 32.55–33.00 บาท/ดอลลาร์ โดยราคาทองคำยังเป็นปัจจัยเสี่ยงแบบ Two-Way ซึ่งอาจทำให้เงินบาทผันผวนได้ทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 33.20–33.30 บาท/ดอลลาร์ อย่างชัดเจน จะสะท้อนสัญญาณอ่อนค่าระยะกลางตามกลยุทธ์แนวโน้ม (Trend Following)
ข้อแนะนำในการบริหารความเสี่ยง
แม้เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากแนวคิดที่ต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าเพื่อส่งออก แต่ควรระมัดระวังผลกระทบต่อผู้นำเข้าและต้นทุนธุรกิจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการแข่งขันราคาสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ดังนั้นควรเน้นการ ปิดความเสี่ยงค่าเงินอย่างรอบด้าน เช่น การใช้เครื่องมือ Options หรือถือครองสกุลเงินท้องถิ่นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น