รีเซต

กินเจกร่อย เงินสะพัด 4 หมื่นล้าน ต่ำสุดในรอบ 14 ปีผลพวงโควิด - น้ำท่วม 36 จังหวัดสูญ 1.5 หมื่นล้าน

กินเจกร่อย เงินสะพัด 4 หมื่นล้าน ต่ำสุดในรอบ 14 ปีผลพวงโควิด - น้ำท่วม 36 จังหวัดสูญ 1.5 หมื่นล้าน
ข่าวสด
1 ตุลาคม 2564 ( 14:38 )
44

ข่าววันนี้ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวถึงผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 4-13 ต.ค. 2564 จากตัวอย่างทั้งสิ้น 1,208 ตัวอย่างทั่วประเทศ ว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 เศรษฐกิจโดยรวมมีปัญหา ทำให้เทศกาลกินเจในปีนี้ไม่คึกคัก

 

ส่งผลให้มียอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลเจ อยู่ที่ 40,147 ล้านบาท ขยายตัวติดลบ 14.5% เมื่อเทียบกับเทศกาลกินเจในปี 2563 ที่มีมูลค่า 46,967 ล้านบาท ถือว่าเทศกาลกินเจในปีนี้ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2551 ที่มีการสำรวจมา จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านอยู่ในขณะนี้

 

สำหรับแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ 81.9% มาจากรายได้ประจำ รองลงมาจากเงินช่วยเหลือของภาครัฐ 7.7% เงินออม 4.5% ขณะที่รายได้พิเศษ 3.4% ลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่อยู่ 7.2%

 

 

 

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังสำรวจทัศนะทั่วไปเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและจะฟื้นตัวได้อย่างปกติในครึ่งหลังปี 2565 ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ที่ลดลง แต่หนี้สินเพิ่มขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ทำให้เศรษฐกิจเริ่มคึกคัก ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่จำเป็นแต่ยังคงมีความเป็นห่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้ยังไม่กล้าที่จะเดินทางท่องเที่ยวแบบทั้งไป-กลับ และแบบค้างคืน รวมทั้งการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านน้อย ส่วนการเปิดประเทศนั้นอยากให้เปิดประเทศเพราะจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ก็กลัวว่าจะมีการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่

 

สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้ภาครัฐเร่งดำเนินการหลังจากนี้ คือ เร่งการฉีดวัคซีนประชาชนที่เหลือให้มากขึ้น พร้อมเร่งหามาตรการช่วยเหลือภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการต้องการเงินเยียวยาต่ออีกและกระจายผู้ที่ได้รับมากขึ้น หาแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ กระตุ้นการลงทุน แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ

 

ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 ยังคงมีความจำเป็นเพื่อที่จะให้มีเม็ดเงินเข้าไปประคับประคองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการอัดฉีดเม็ดเงินในโครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน ทั้งนี้ ศูนย์ฯมองว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 1%

 

นายธนวรรธน์ กล่าว นอกจากนี้ ยังสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมจากประธานหอการค้า รองประธานหอการค้า ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม 36 จังหวัด พบว่า ประชาชนได้รับผลกระทบ 227,470 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว 13 จังหวัด โดยน้ำท่วมได้ส่งผลกระต่อบ้านเรือน ถนนหนทางและอื่นๆ กระทบด้านการเกษตร พืช ปศุสัตว์ การค้า โดยผลกระทบเหล่านี้ความเสียหายน่าจะมีมูลค่ากว่า 15,036 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.1-0.2% ของจีดีพี

 

โดยสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ยังไม่รุนแรงเท่ากับน้ำท่วมในปี 2554 ที่กระทบต่อภาคเศรษฐกิจทั้งโรงงาน อุตสาหกรรม ระบบขนส่ง และคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้ในเร็วๆ นี้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง