"อาจารย์เดชา"หวัง พรุุ่งนี้จะมีข่าวดี! ลุ้นครม.ไฟเขียวปลดล็อคกัญชา เปิดทางพัฒนาตำรับยารักษาผู้ป่วย
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 จากกรณี กระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเสนอ“ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. …” เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2563 เพื่อผลักดันการใช้พืชกัญชาทางการแพทย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษแล้วนั้น
นายเดชา ศิริภัทร หรือ อาจารย์เดชา หมอพื้นบ้าน จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ทราบว่าพรุ่งนี้(4 สิงหาคม)จะมีการชงมติเรื่องกัญชาเข้าสู่สภานั้น เพื่อแก้ไขพระราชบัญญัตเรื่องของกัญชาเป็นยาเสพติด ซึ่งจะต้องมีการแก้ไข สำหรับ หลักการสำคัญมี 3 ข้อหลักๆที่จะนำเสนอครม. คือ 1.คนป่วยจะสามารถปลูกกัญชาได้ เพื่อใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคของตนเอง แต่ต้องมีเงื่อนไขให้หมอรับรองว่าโรคของตัวเองนั้นป่วยจริง รับรองว่าต้องใช้กัญชารักษา จึงจะให้ปลูก 2.เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน แพทย์แผนไทย ซึ่งจะสามารถขออนุญาตปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการปรุงยาให้ผู้ป่วยของตนเองได้ หมอที่ใช้รักษาคนไข้ ต้องเป็นหมอที่ผ่านการอบรมแล้ว ใช้ยาที่เข้าตำรับแล้ว จึงจะปลูกและปรุงยาได้ เช่น ตนเป็นหมอพื้นบ้าน แต่ตอนนี้ยังปลูกไม่ได้ แม้มีตำรับยาเป็นของตัวเองแล้ว จึงต้องไปขอจากปปส. หรือคนที่บริจาค ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็พยายามเต็มที่เพื่อนำยาแจกจ่ายฟรีให้ผู้ป่วยที่ต้องการรักษา
อย่างไรก็ดี ต่อไปหากสามารถปลูกกัญชาเองได้ ก็จะผลิตยาให้เพียงพอกับผู้ป่วยที่ต้องการได้ ส่วนข้อสุดท้าย บุคคลทั่วไปที่จะปลูกกัญชา ต้องมีการขออนุญาตว่าจะปลูกไปเพื่ออะไร จะปลูกเพื่อการค้า จะขายที่ไหน การปลูกต้องอยู่ภายใต้กติกาการควบคุมเพื่อมิให้ไปเสพ เป็นเรื่องการขออนุญาตปลูกกัญชา เพื่อนำไปเป็นผู้ผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้ง 3 ข้อนั้นผ่านกระบวนการความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนมาแล้ว
“มาถึงวันนี้ ในความคิดเห็นของผม เรื่องการทำให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกัญชาอยู่ในพ.ร.บ.ของยาเสพติดมานาน ดังนั้นการแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องผ่านหลายขั้นตอน ความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ พรุ่งนี้คือวันสำคัญ ที่การนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในสภา ฯ ทั้ง 3 วาระนี้ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะผ่านหรือไม่ ปัญหามันเป็นกฎหมายยาเสพติด แม้ปัจจุบันจะเป็นยารักษาโรคได้ ซึ่งผมยังรอความหวัง เพราะหากกัญชาสามารถพัฒนาเป็นไปอย่างมีขอบเขต และ ใช้รักษาผู้ป่วย ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะเป็นเรื่องที่ดี ขอให้หลายฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่างในทิศทางเรื่องกัญชา ให้มาร่วมกัน “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ” รอให้เป็นไปตามกระบวนการ อย่างถูกต้องก่อน ไม่เร่งรัด ให้เน้นใช้กัญชาเป็นยารักษาผู้ป่วยก่อน ซึ่งก็หวังว่าจะได้รับข่าวดี” อาจารย์เดชา กล่าว